ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินเฟดเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือนนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้น คาดผลกระทบต่อไทยมีระยะสั้น ทำบาทผันผวน เตือนผู้ประกอบการค้าต่างประเทศระมัดระวัง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) รอบสุดท้ายของปี 2558 ในวันที่ 15-16 ธันวาคม 2558 นั้น คาดว่าเฟดมีโอกาสที่จะ “เริ่ม” การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ อันถือว่าเป็นจุดสิ้นสุดของการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยในระดับใกล้ 0% ที่เฟดดำเนินมาอย่างต่อเนื่องภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2551
ทั้งนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจ ซึ่งสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด แม้ว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ตลาดการเงินโลกจะเผชิญต่อความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ก็เริ่มมีทิศทางเร่งตัวขึ้นสอดคล้องต่อคาดการณ์ของเฟด โดยคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐฯ ในช่วง 5 ปีข้างหน้าผ่านตลาดพันธบัตร (Inflation Breakeven) ก็สะท้อนถึงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่น่าจะเริ่มปรับสูงขึ้น
สำหรับประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามหลังจากการประชุมเฟดในเดือนธันวาคมนี้ มีอยู่ 3 ด้านด้วยกัน ซึ่งจะมีนัยต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะต่อไป ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับพัฒนาการเงินเฟ้อ หากมีปัจจัยที่อาจจะส่งผลให้ระดับเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้าปรับขึ้นน้อยกว่าที่คาด โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับลดลงรอบใหม่ โดยหากราคาน้ำมันยังคงทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องในปีหน้าก็อาจจะเป็นปัจจัยที่เฟดคงนำมาพิจารณาถึงการปรับจังหวะในการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะต่อไป
รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ คงเป็นอีกประเด็นที่เฟดคงติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ท่ามกลางภาวะที่ธนาคารกลางขนาดใหญ่อื่นๆ รวมทั้งธนาคารกลางประเทศในตลาดเกิดใหม่หลายๆ ประเทศยังคงดำเนินมาตรการการเงินแบบผ่อนคลาย เพื่อดูแลการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง อาจจะส่งผลให้ค่าดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้นมากเกินไป จนอาจจะส่งผลกระทบทางลบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้
และการส่งสัญญาณถึงแนวทางในการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เฟดเริ่มกระบวนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบนี้ ซึ่งตลาดจะจับสัญญาณดังกล่าวเพื่อประเมินจังหวะการปรับอัตราดอกเบี้ยในรอบถัดๆ ไป
สำหรับคาดการณ์แนวโน้มการดำเนินนโยบายของเฟด ธนาคารกสิกรไทย คาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดน่าจะอยู่ในระดับประมาณ 1.0% ในปี 2559 โดยเฟดคงรอประเมินผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งแรกหากเริ่มในการประชุมรอบนี้ ขณะที่โอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดครั้งต่อไปอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนมีนาคม 2559 เป็นอย่างเร็ว
กระทบไทยระยะสั้น
สำหรับผลต่อไทยในระยะสั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในกรณีที่เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายคงทำให้เกิดผลกระทบระยะสั้นต่อตลาดการเงินไทยบ้าง แต่ผลกระทบยังคงน่าจะยังจำกัด และอยู่ในวิสัยที่ทางการไทยรับมือได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยภาพที่เฟดอาจจะยังคงทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายขาขึ้นอยู่ จึงอาจมีผลกระทบให้ค่าเงินบาทผันผวนในทิศทางอ่อนค่าอยู่ เช่นเดียวกับการปรับขึ้นของผลตอบแทนตราสารหนี้ในประเทศ รวมถึงโอกาสการปรับฐานของราคาสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้นำเข้า และธุรกิจที่มีแผนการกู้ยืมเงินในระยะกลาง-ยาว จึงควรติดตามสถานการณ์การส่งสัญญาณของเฟด และเครื่องชี้ต่างๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมหาแนวทางการรับมือล่วงหน้าที่เหมาะสมต่อไป
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) รอบสุดท้ายของปี 2558 ในวันที่ 15-16 ธันวาคม 2558 นั้น คาดว่าเฟดมีโอกาสที่จะ “เริ่ม” การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ อันถือว่าเป็นจุดสิ้นสุดของการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยในระดับใกล้ 0% ที่เฟดดำเนินมาอย่างต่อเนื่องภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2551
ทั้งนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจ ซึ่งสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด แม้ว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ตลาดการเงินโลกจะเผชิญต่อความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ก็เริ่มมีทิศทางเร่งตัวขึ้นสอดคล้องต่อคาดการณ์ของเฟด โดยคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐฯ ในช่วง 5 ปีข้างหน้าผ่านตลาดพันธบัตร (Inflation Breakeven) ก็สะท้อนถึงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่น่าจะเริ่มปรับสูงขึ้น
สำหรับประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามหลังจากการประชุมเฟดในเดือนธันวาคมนี้ มีอยู่ 3 ด้านด้วยกัน ซึ่งจะมีนัยต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะต่อไป ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับพัฒนาการเงินเฟ้อ หากมีปัจจัยที่อาจจะส่งผลให้ระดับเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้าปรับขึ้นน้อยกว่าที่คาด โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับลดลงรอบใหม่ โดยหากราคาน้ำมันยังคงทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องในปีหน้าก็อาจจะเป็นปัจจัยที่เฟดคงนำมาพิจารณาถึงการปรับจังหวะในการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะต่อไป
รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ คงเป็นอีกประเด็นที่เฟดคงติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ท่ามกลางภาวะที่ธนาคารกลางขนาดใหญ่อื่นๆ รวมทั้งธนาคารกลางประเทศในตลาดเกิดใหม่หลายๆ ประเทศยังคงดำเนินมาตรการการเงินแบบผ่อนคลาย เพื่อดูแลการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง อาจจะส่งผลให้ค่าดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้นมากเกินไป จนอาจจะส่งผลกระทบทางลบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้
และการส่งสัญญาณถึงแนวทางในการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เฟดเริ่มกระบวนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบนี้ ซึ่งตลาดจะจับสัญญาณดังกล่าวเพื่อประเมินจังหวะการปรับอัตราดอกเบี้ยในรอบถัดๆ ไป
สำหรับคาดการณ์แนวโน้มการดำเนินนโยบายของเฟด ธนาคารกสิกรไทย คาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดน่าจะอยู่ในระดับประมาณ 1.0% ในปี 2559 โดยเฟดคงรอประเมินผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งแรกหากเริ่มในการประชุมรอบนี้ ขณะที่โอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดครั้งต่อไปอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนมีนาคม 2559 เป็นอย่างเร็ว
กระทบไทยระยะสั้น
สำหรับผลต่อไทยในระยะสั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในกรณีที่เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายคงทำให้เกิดผลกระทบระยะสั้นต่อตลาดการเงินไทยบ้าง แต่ผลกระทบยังคงน่าจะยังจำกัด และอยู่ในวิสัยที่ทางการไทยรับมือได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยภาพที่เฟดอาจจะยังคงทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายขาขึ้นอยู่ จึงอาจมีผลกระทบให้ค่าเงินบาทผันผวนในทิศทางอ่อนค่าอยู่ เช่นเดียวกับการปรับขึ้นของผลตอบแทนตราสารหนี้ในประเทศ รวมถึงโอกาสการปรับฐานของราคาสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้นำเข้า และธุรกิจที่มีแผนการกู้ยืมเงินในระยะกลาง-ยาว จึงควรติดตามสถานการณ์การส่งสัญญาณของเฟด และเครื่องชี้ต่างๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมหาแนวทางการรับมือล่วงหน้าที่เหมาะสมต่อไป
