มาร์เกตวอตช์ - ราคาน้ำมันในวันพุธ (7 มิ.ย.) ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน หลังพบสต๊อกเชื้อเพลิงสหรัฐฯ ลดลงน้อยกว่าคาด ขณะที่วอลล์สตรีทปิดผสมผสาน หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 1.73 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.73 ดอลลาร์ ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายนปีก่อน ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1.72 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.00 ดอลลาร์ ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน หรือหนึ่งวันก่อนโอเปกตกลงลดกำลังผลิต
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันพุธ (14 มิ.ย.) ว่าในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 มิถุนายน คลังเบนซินสำรองของประเทศ เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดหมายไว้ว่าน่าจะลดลง 457,000 บาร์เรล
ตัวเลขดังกล่าวสร้างความประหลาดใจอย่างมาก และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะอุปสงค์อ่อนแอเรื้อรัง แม้เข้าสู่ช่วงฤดูกาลขับขี่แล้วก็ตาม ยิ่งไปกวานั้นข้อมูลยังพบว่าคลังน้ำมันดิบสำรองในสัปดาห์เดียวกัน ลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าน่าจะลดลงถึง 2.7 ล้านบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (14 มิ.ย.) ปิดผสมผสาน ดาวโจนส์ทุบสถิติสูงสุดรอบใหม่ แต่ดัชนีอื่นๆ ปรับลด หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยและถูกฉุดจากหุ้นกลุ่มพลังงาน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 46.09 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 21,374.56 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 2.43 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,437.92 จุด แนสแดค ลดลง 25.48 จุด (0.41 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,194.89 จุด
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ดำเนินการตามความคาดหมาย ด้วยการปรับขึ้นอันตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 1.00-1.25% พร้อมส่งสัญญาณอาจปรับขึ้นอีกครั้งในปีนี้ แม้เมื่อข้อมูลมากมายเมื่อเร็วๆ นี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอ่อนแอลง
เฟดอ้างเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่ยังคงเข้มแข็งขึ้น สำหรับปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนมีความกังวลกับท่าทีแข็งกร้าวของเฟด และข้อวิตกดังกล่าวสะท้อนให้เห็นในความเคลื่อนไหวของหุ้นภาคเทคโนโลยี
ขณะเดียวกัน วอลล์สตรีทยังถูกฉุดจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน หลังจากราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนัก โดยเหล่าผู้ให้บริการด้านพลังงาน อย่างฮัลลิเบอร์ตัน, โคโนโคฟิลิปส์ และเดวอน ต่างปิดลบมากกว่า 2 เปอร์เซ็นต์