รอยเตอร์ - พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย จะเดินทางเยือนทำเนียบขาวในเดือนกรกฏาคม หลังได้รับคำเชิญจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางความคาดหมายว่ามันจะเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายและความกังวลว่านโยบาย'อเมริกาต้องมาก่อน'ของทรัมป์ อาจทำให้วอชิงตันผ่อนปรนประเด็นสิทธิมนุษยชนกับไทย
สหรัฐฯระงับการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูงและลดระดับการซ้อมรบร่วมกับไทย ตามหลังเหตุรัฐประหารที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ โค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งในปี 2014
รอยเตอร์ระบุว่าคำเชิญที่ส่งถึงอดีตผู้บัญชาการกองทัพของไทยอาจเป็นการส่งสัญญาณจากสหรัฐฯสำหรับก้าวย่างคืนสู่ความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติกับไทย พันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของวอชิงตันในเอเชีย
สำหรับวอชิงตันกำลังแสวงหาความร่วมมือในหมู่พันธมิตรในเอเชีย เพื่อกดดันเกาหลีเหนือต่อโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเปียงยาง และเพื่อคัดค้านความทะเยอทะยานของจีนในน่านน้ำพิพาททะเลจีนใต้
พล.ท.วีรชน สุคนธปฎิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าการพูดคุยจะครอบคลุมถึงประเด็นการค้า การลงทุนและความมั่นคง ในนั้นรวมถึงปัญหาด้านความมั่นคงต่างๆ อย่างเช่นการค้ามนุษย์
ทั้งนี้พล.ท.วีรชน ยังระบุด้วยว่ารัฐบาลทั้งสองกำลังประสานงานเพื่อกำหนดวันเวลาเดินทางเยือนอย่างชัดเจนในช่วงปลายเดือนกรกฏาคม แต่ยังต้องยืนยันวันที่อีกครั้ง
รอยเตอร์ระบุว่าทรัมป์อ้างแขนสู่พวกผู้นำเผด็จการในภูมิภาค อย่างเช่นประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ ซึ่งประกาศทำสงครามยาเสพติดคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วหลายพันศพ
สื่อระดับโลกแห่งนี้ระบุว่าพวกกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆเกรงว่านโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ของทรัมป์ อาจเป็นผลให้วอชิงตันชะลอคันเร่งในประเด็นสิทธิมนุษยชน ขณะที่การเดินทางเยือนวอชิงตันของผู้นำรัฐประหารของไทย คาดหมายว่าจะเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย
สหรัฐฯคือคู่ค้าทวิภาคีรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของไทย รองจากญี่ปุ่นและจีน โดยในปี 2015 การค้า 2 ทางมีมูลค่ามากกว่า 37,000 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันอเมริกายังเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนรายใหญ่ในไทย ด้วยมีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2015