เอเอฟพี – ผู้อำนวยการด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวหากลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในวันนี้ (6) ว่าสังหารพลเรือน 163 คนเพื่อขัดขวางไม่ให้พวกเขาหนีออกจากฝั่งตะวันตกของเมืองโมซุลในอิรักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
“ความป่าเถื่อนของดาเอชและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ดูเหมือนว่าจะไม่มีขอบเขต” เซอิด ราอัด อัลฮุสเซน กล่าวโดยเรียกกลุ่มไอเอสด้วยชื่อย่อภาษาอาหรับ
“เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ของเธอแจ้งกับผมว่า ศพของชาย หญิง และเด็กชาวอิรักยังเรียงรายอยู่บนถนนในเขตอัลชีระทางตะวันตกของโมซุล หลังจากดาเอชสังหารยิงคนอย่างน้อย 163 คนเสียชีวิตเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาหลบหนี” เขากล่าวในการปราศรัยเปิดต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
“เจ้าหน้าที่ของผมยังได้รับรายงานบุคคลสูญหายจากเขตนี้ด้วย” เขากล่าวเสริม โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
โฆษกของเขา รูเพิร์ต โคลวิล บอกกับเอเอฟพีว่า การสังหารนี้เชื่อว่าเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน
ไอเอสยึดโมซุลเมื่อปี 2014 และปฏิบัติการยึดคืนเมืองนี้ที่เริ่มต้นเมื่อเดือนที่แล้วบีบให้ผู้อยู่อาศัยหลายแสนคนต้องละทิ้งบ้านเรือนหลบหนี
กองกำลังอิรักยึดพื้นที่ไว้ได้ทั้งหมดแล้วเหลือแต่พื้นที่รอบเมืองเก่าในฝั่งตะวันตกของโมซุล แต่กลุ่มไอเอสกำลังต่อสู้ในเขตที่อยู่อาศัยหนาแน่นนี้และใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์หลายๆ ครั้งในการสู้รบ
องค์การสหประชาชาติเตือนเมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคมว่า พลเรือนมากสุดถึง 200,000 คนอาจยังคงติดอยู่ในพื้นที่ยึดครองของกลุ่มไอเอส เผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร น้ำ และยารักษาโรค ตลอดจนอันตรายจากการสู้รบแย่งชิงเมืองนี้
ในวันนี้ (6) เซอิดประณาม “ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงที่สุดต่อการโจมตีอย่างขี้ขลาดและขยะแขยงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์โดยผู้ก่อการร้ายใจทมิฬที่ปฏิบัติการในหลายๆ ส่วนของโลก”