กรุงมาดริดสั่งแบนรถยนต์ครึ่งหนึ่งไม่ให้วิ่งตามท้องถนน เพื่อลดปัญหามลพิษ

เอเจนซีส์ - กรุงมาดริดได้ออกคำสั่งในวันพฤหัสบดี (29 ธ.ค.) ให้รถยนต์ส่วนตัวจำนวนครึ่งหนึ่งของทั้งหมดห้ามออกมาวิ่งตามท้องถนน อันเป็นมาตรการเพื่อรับมือกับปัญหามลพิษ

สภาเมืองระบุในคำแถลงว่า การจำกัดการใช้รถยนต์จะมีขึ้นระหว่างช่วงเวลา 6.30 - 21.00 น. ของทุกวัน โดยให้รถที่มีทะเบียนเลขคี่ ใช้รถได้ในวันที่เลขคี่ ส่วนรถที่มีทะเบียนเลขคู่ ก็ใช้รถได้ในวันที่เลขคู่

มาตรการดังกล่าวถูกนำมาใช้เมื่อมีการพบว่าระดับของไนโตรเจนไดออกไซด์ในบรรยากาศนั้นสูงเกินกว่า 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากสถานีวัด 2 แห่งเป็นอย่างน้อย และยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลงได้ง่ายๆ

อิเนส ซาบาเนส สมาชิกสภาสิ่งแวดล้อมของมาดริดได้ระบุว่า การห้ามรถยนต์ออกวิ่งนั้นจะไม่ถูกขยายเพิ่ม หากระดับของฝุ่นควันมีการลดลงไปถึงระดับที่ต้องการ ส่วนมาตรการอื่น อาทิ การห้ามจอดรถตามท้องถนนสำหรับคนที่ไม่ใช่ผู้อยู่อาศัย รวมถึงลดการจำกัดความเร็วจะยังคงมีต่อไป

อย่างไรก็ตาม จะมีข้อยกเว้นให้กับบางกรณี อาทิ มอเตอร์ไซค์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดเล็ก , รถยนต์ไฮบริด , รถที่มีผู้โดยสาร 3 คนขึ้นไป , รถที่ใช้โดยผู้พิการ รวมถึงรถบัส แท็กซี่ รถฉุกเฉิน ก็ได้รับการยกเว้น

"นี่ไม่ใช่เรื่องของการจราจร แต่มันเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อสุขภาพของสาธารณชน มีคนจำนวนมากที่ทนทุกข์จากปัญหาด้านการหายใจ รวมถึงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากมลพิษ" เขากล่าว

ด้วยจำนวนผู้อยู่อาศัย 3.2 ล้านราย กับรถยนต์ 1.8 ล้านคัน กรุงมาดริดต้องประสบปัญหาบ่อยครั้งเกี่ยวกับเรื่องมลพิษ ความเคลื่อนไหวในการแบนรถยนต์ครึ่งหนึ่งในครั้งนี้ถือเป็นมาตรการต่อต้านมลพิษระดับ 3 จากทั้งหมด 4 ระดับ โดยในระดับ 4 นั้นจะมีการแบนรถแท็กซี่ด้วย ยกเว้นรถไฮบริด