รอยเตอร์ - บริษัทอาวุธยักษ์ใหญ่ ล็อกฮีดมาร์ติน คอร์ป ยืนยันกับ โดนัลด์ ทรัมป์ วานนี้ (23 ธ.ค.) ว่า จะพยายามลดต้นทุนการผลิตสุดยอดเครื่องบินขับไล่ F-35 ให้มีราคาถูกลง หลังจากมหาเศรษฐีปากเปราะทวีตข้อความวิจารณ์ว่าโครงการนี้ใช้งบสิ้นเปลืองเกินเหตุ แถมยังขู่จะหันไปเลือก F-18 จากค่ายโบอิ้งมาใช้งานแทน
มาริลลีน ฮิวสัน ซีอีโอของล็อกฮีดมาร์ติน ระบุว่า เธอได้พูดคุยกับ ทรัมป์ เมื่อบ่ายวันศุกร์ (23) และยืนยันว่า ทางบริษัทรับรู้ที่ ทรัมป์ ออกมาวิจารณ์อย่าง “เสียงดังฟังชัด” เรื่องต้นทุนการผลิต F-35
ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความเมื่อค่ำวันพฤหัสบดี (22) ว่า เครื่องบินขับไล่รุ่นเก่ากว่าที่ผลิตโดย โบอิ้ง อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีและประหยัดกว่า F-35 เป็นไหนๆ
“เนื่องจากโครงการ F-35 ของล็อกฮีดมาร์ตินใช้งบประมาณมหาศาล และยังมีค่าใช้จ่ายบานปลายมาก ผมจึงขอให้ โบอิ้ง ช่วยเสนอราคา F-18 ซูเปอร์ฮอร์เน็ต ซึ่งเป็นรุ่นที่ประสิทธิภาพเทียบเคียงกันได้!” ทรัมป์ ได้
ฮิวสัน ได้แถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า เธอได้สนทนากับ ทรัมป์ ด้วยบรรยากาศที่ดี
“ดิฉันได้ยืนยันความตั้งใจส่วนตัวที่จะลดต้นทุนการผลิตลงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้” เธอระบุ
สำหรับ F-18 ซูเปอร์ฮอร์เน็ตของ โบอิ้ง นั้นเป็นอากาศยานขับไล่รุ่นเก่ากว่า และไม่มีเทคโนโลยีหลบหลีกเรดาร์ (สเตลธ์) เหมือนอย่าง F-35
เจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่า ทรัมป์ คิดอะไรในใจขณะที่ทวีตข้อความดังกล่าว แต่ย้ำว่าเทคโนโลยีสเตลธ์นั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการรับมือมหาอำนาจอย่างรัสเซียและจีน ซึ่งมีศักยภาพด้านกลาโหมเกือบจะเทียบเคียงสหรัฐฯ ได้แล้ว
“คงต้องมีใครไปถาม โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับจีนอย่างไร หากไม่มีเครื่องบินขับไล่ที่สามารถฝ่าระบบต่อต้านการเข้าถึงและปฏิเสธไม่ให้เข้าพื้นที่ (anti-access and area denial systems) รวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศได้” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ระบุ
นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมส่วนใหญ่มองว่า เครื่องบินขับไล่ทั้งสองรุ่นไม่อาจจะ “เทียบเคียง” กันได้เลย
“(ข้อสรุปของทรัมป์) ถ้าไม่ขาดเหตุผล ก็ต้องบอกว่าใช้ไม่ได้” ริชาร์ด ซาฟราน นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมจากสถาบันวิจัยบักกิงแฮม ให้สัมภาษณ์ทางอีเมล
“ประการแรก F/A-18 เป็นเครื่องบินขับไล่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับเรือบรรทุกเครื่องบิน และไม่อาจตอบสนองความจำเป็นในการขึ้น-ลงแนวดิ่งของหน่วยนาวิกโยธินได้ แม้แต่ใช้ในกองทัพอากาศก็ยังไม่เหมาะ เพราะน้ำหนักของตัวเครื่องที่มากกว่าปกติ”
ด้านทีมวิเคราะห์จากสถาบัน Vertical Research Partners ก็ออกมาระบุวานนี้ (23) ว่า “ตราบใดที่กฎทางฟิสิกส์ยังไม่เปลี่ยน คุณไม่มีทางเอาเครื่องบินขับไล่ 2 เครื่องยนต์ยุค 1980 ที่ใช้กับเรือบรรทุกเครื่องบิน และไม่มีเทคโนโลยีสเตลธ์ มาปรับปรุงให้กลายเป็นเครื่องบินขับไล่เครื่องยนต์เดี่ยวยุค 2000 ที่สามารถหลบหลีกเรดาร์ และปฏิบัติภารกิจหลากหลายได้”
อย่างไรก็ดี ความไม่พอใจของว่าที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ ต่อโครงการ F-35 ซึ่งใช้งบประมาณบานปลายเฉียด 379,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ถือเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงสำหรับล็อกฮีด ซึ่งได้อาศัยโครงการนี้เป็นตัวขับเคลื่อนยอดขาย โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 20% ของรายได้ทั้งหมด 46,100 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้
ท็อดด์ บลีเชอร์ โฆษกของโบอิ้ง แถลงผ่านอีเมลเมื่อวันพฤหัสบดี (22) ว่า บริษัทพร้อมที่จะนำเสนอตัวเลือกที่มีศักยภาพและราคาเหมาะสม เพื่อตอบสนองความจำเป็นในด้านความมั่นคงของชาติ
ทรัมป์ ได้เปิดรีสอร์ตส่วนตัวที่ย่านปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ต้อนรับคณะผู้บริหารจากทั้งล็อกฮีดและโบอิ้งเมื่อวันพุธ (21) โดย เดนนิส มุยเลนเบิร์ก ซีอีโอโบอิ้ง เผยสื่อมวลชนว่า ตนได้ยืนยันกับ ทรัมป์ ว่า ต้นทุนการผลิตเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ “แอร์ฟอร์ซวัน” ลำใหม่จะไม่บานปลายอย่างแน่นอน หลังจากที่ ทรัมป์ ออกมาวิจารณ์โครงการนี้ว่า “แพงเกินไป” เช่นกัน