เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ออกแถลงการณ์ล่าสุดในการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูง และแกนนำนักการเมืองในรัฐสภาดูมารัสเซียเมื่อวันพุธ(21 ธ.ค.) โจมตีสหรัฐฯในเรื่องการคว่ำบาตร โดยประกาศว่า การลงโทษจากสหรัฐฯล่าสุดส่งผลต่อความร่วมมือสู้รบต่อต้านก่อการร้าย พร้อมหวังว่า การโจมตีเยอรมันจะช่วยทำให้ตะวันตกทำงานอย่างใกล้ชิดต่อปัญหาก่อการร้าย ในขณะที่กระทรวงต่างประเทศรัสเซียประกาศ จะตอบโต้การคว่ำบาตรรอบใหม่ของงอเมริกาอย่างถึงที่สิ้นสุด
RT สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้ (21 ธ.ค.) ว่า “ความบาดหมางที่เกิดมาจากมาตรการคว่ำบาตรเพื่อต่อต้านรัสเซียนั้นมีผลกระทบต่อความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้าย
“ข้อจำกัดทางเศรษฐกิจและการเมืองเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้แตกแยก และยังกีดกันรัสเซียในการผนึกกำลังร่วมสู้ต่อต้านกับศัตรูร่วม นั่นคือ การก่อการร้าย” ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ออกแถลงการณ์ในการประชุมการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงและแกนนำนักการเมืองรัฐสภาดูมารัสเซียในวันพุธ (21 ธ.ค.)
และ ปูติน กล่าวต่อว่า “ช่างน่าเสียดายที่สถานการณ์นี้ไม่อยู่ในมือเราทั้งหมด ซึ่งทางเราได้แต่หวังว่า เหตุการณ์ที่หดหู่เกิดขึ้นล่าสุด รวมไปถึงการโจมตีในเยอรมัน จะทำให้พันธมิตรโลกตะวันตกของเราทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อปัญหานี้”
ทั้งนี้ พบว่า ปฏิบัติการร่วมต่อต้านก่อการร้ายและยาเสพติดระหว่างรัสเซียและนาโต ถูกระงับชั่วคราวนับตั้งแต่ปัญหาการผนวกไครเมียในปี 2014 และนอกจากนี้ RT ยังชี้ว่า ความพยายามที่จะสร้างพันธมิตรเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย IS ในซีเรีย ต้องได้รับผลกระทบจากการล้มลงครั้งมโหฬาร แต่อย่างไรก็ตาม ทางรัสเซียยังคงตั้งความหวังที่จะพยายามให้เกิดขึ้นได้อีกครั้งกับรัฐบาลสหรัฐฯชุดใหม่ที่จะเข้ารับไม้ต่อจากชุดเดิมในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้
แต่ทว่าสำหรับรัฐบาลสหรัฐฯชุดประธานาธิบดี บารัค โอบามา สื่อรัสเซียชี้ว่า การประกาศมาตรการคว่ำบาตรในสัปดาห์นี้ ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะสิ้นสุดจากการทำหน้านี้ลงได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองชาติกลับมาย้ำแย่อีกครั้ง โดยในการประกาศคว่ำบาตรรอบใหม่ คว่ำบาตรทั้งในระดับบุคคลและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับมอสโก และเรืออีก 2 ลำในไครเมียในวันอังคาร (20 ธ.ค.)
โดยทางกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงโดยยืนยันว่า การประกาศคว่ำบาตรรอบใหม่มีเป้าหมายเพื่อยังคงแรงกดดันต่อรัสเซียด้วยการยังต้องการให้รัสเซียได้รับรู้ถึงผลจากสิ่งที่ได้ก่อไว้ในการผนวกไครเมีย และขัดขวางต่อผู้ให้การสนับสนุนความรุนแรงและความไร้เสถียรภาพในยูเครน”
และส่งผลทำให้ทางกระทรวงต่างประเทศรัสเซียต้องออกมาตอบโต้ โดยประกาศว่า “วอชิงตันควรที่จะเรียนรู้นานแล้วว่า ผลกระทบจากการคว่ำบาตรเหล่านี้ล้วนแต่ไม่แน่นอน และมีแนวโน้มที่จะล้มเหลว และมาตรการใหม่ที่ออกมาจะต้องได้รับการตอบโต้”