เอเอฟพี - คริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ถูกศาลฝรั่งเศสพิพากษาเมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.) ว่ามีความผิดฐานละเลยในคดีจ่ายเงินชดเชยก้อนโตให้แก่มหาเศรษฐีรายหนึ่ง ขณะที่เธอยังเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลังฝรั่งเศส ทว่าความผิดนี้จะไม่ทำให้ ลาการ์ด ต้องถูกลงโทษ หรือหลุดจากตำแหน่งบอสใหญ่ไอเอ็มเอฟ
ลาการ์ด ไม่ได้ถูกลงโทษปรับหรือจำคุกแต่อย่างใด ขณะที่บอร์ดบริหารไอเอ็มเอฟซึ่งได้นัดประชุมที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก็มีมติ “ให้ความไว้วางใจอย่างเต็มที่” ต่อศักยภาพของ ลาการ์ด ในการเป็นผู้นำองค์กรต่อไป
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่วอชิงตัน ลาการ์ด ยอมรับว่า เธอไม่สบายใจกับคำพิพากษาของศาลแม้จะไม่ถูกลงโทษ และเธอก็ไม่คิดที่จะอุทธรณ์
“ดิฉันไม่พอใจ แต่คนเราเมื่อถึงเวลาก็ต้องหยุด พลิกหน้ากระดาษ เดินไปข้างหน้า และทำงานร่วมกับผู้คนที่ยังเชื่อมั่นในตัวดิฉันอยู่” ลาการ์ด กล่าว พร้อมระบุว่ากระบวนการไต่สวนที่ผ่านมาทำให้เธอรู้สึก “เจ็บปวด” อยู่ไม่น้อย
ศาลพิเศษในกรุงปารีสพบว่า ลาการ์ด ได้กระทำผิดจริงขณะพยายามแก้ไขข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลฝรั่งเศสกับนักธุรกิจผู้อื้อฉาว แบร์นาร์ด ตาปี จนสุดท้ายรัฐต้องจ่ายค่าชดเชยให้เขาไปถึง 404 ล้านยูโร
ตาปี ซึ่งเป็นทั้งอดีตนักการเมืองและนักธุรกิจ เคยถูกจำคุกในคดีล้มบอล ระหว่างที่เขาเป็นประธานสโมสรฟุตบอลอันดับหนึ่งของเมืองน้ำหอม โอลิมปิก มาร์เซย
ประเด็นหลักของการสอบสวนอยู่ที่คำสั่งของ ลาการ์ด เมื่อปี 2007 ที่ให้ตั้งคณะกรรมการเอกชนเข้ามาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่าง ตาปี กับธนาคาร เครดิต ลียงเนส์ ซึ่งเป็นธนาคารของรัฐ เกี่ยวกับการขายแบรนด์สินค้ากีฬา อาดิดาส (Adidas) ที่ ตาปี เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เมื่อปี 1993 ผลของการไกล่เกลี่ยทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสต้องจ่ายเงินชดเชยก้อนโตแก่ ตาปี
จากการสอบสวนภายหลังพบว่า คณะกรรมการไกล่เกลี่ยดังกล่าวทำงานไม่โปร่งใส
นักวิจารณ์ชี้ว่า รัฐบาลฝรั่งเศสขณะนั้นไม่ควรยื่นมือเข้าไปเสี่ยงกับการถูกบังคับจ่ายเงินชดเชยแก่ “อาชญากร” เพราะ ตาปี อยู่ในภาวะล้มละลาย และไม่สามารถติดตามดำเนินคดีในชั้นศาลได้อยู่แล้ว
สื่อรายงานว่า เงินชดเชยดังกล่าวช่วยให้ ตาปี สามารถล้างหนี้สินทั้งหมด และยังเหลือเงินอีก 20-40 ล้านยูโรไปตั้งต้นทำธุรกิจใหม่ด้วย
ต่อมา ตาปี ได้ถูกบังคับให้คืนเงินชดเชย และยังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงอีกคดีหนึ่งร่วมกับ สเตฟาน ริชาร์ด บอสใหญ่บริษัทโทรคมนาคม ออเรนจ์ ซึ่งเป็นอดีตผู้ช่วยของ ลาการ์ด
ศาลได้อ้าง “ชื่อเสียงในระดับนานาชาติ” เป็นเหตุในการละเว้นโทษให้แก่ ลาการ์ด รวมถึงความจริงที่ว่า คดีนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ ลาการ์ด กำลังวิ่งวุ่นตัวเป็นเกลียวเพื่อต่อสู้วิกฤตการเงินโลกในปี 2008
อดีตทนายความหญิงวัย 60 ปีได้ก้าวสู่บัลลังก์ผู้นำไอเอ็มเอฟเมื่อปี 2011 ต่อจาก โดมินิก สเตราส์-คาห์น ซึ่งต้องคดีล่วงละเมิดทางเพศแม่บ้านในสหรัฐฯ
แม้จะมีคดีความติดตัวอยู่ ทว่า ลาการ์ด ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้กุมบังเหียนไอเอ็มเอฟต่ออีก 5 ปี เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา
รัฐบาลฝรั่งเศสได้ออกมาให้กำลังใจต่อ ลาการ์ด โดยระบุว่า “มีความเชื่อมั่นอย่างสูงสุดในศักยภาพของเธอที่จะรับผิดชอบภาระหน้าที่ต่างๆ ต่อไป”
ด้าน เจค็อบ ลิว รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็ได้แถลงสนับสนุน ลาการ์ด ทันทีหลังทราบมติของบอร์ดบริหารไอเอ็มเอฟ โดยชี้ว่าเธอเป็น “ผู้นำที่แข็งแกร่งของไอเอ็มเอฟ” และยกย่องความสามารถของเธอ “ในการนำพากองทุนผ่านช่วงเวลาที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังย่ำแย่”