รอยเตอร์ - รัฐบาลญี่ปุ่นยอมจ่ายเงินอุดหนุนรายปีให้แก่องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ตามเดิม หลังจากที่ระงับความช่วยเหลือเพราะไม่พอใจที่ยูเนสโกประกาศให้เอกสารบันทึกเหตุการณ์ “สังหารหมู่นานกิง” ในปี 1937 เป็นความทรงจำแห่งโลก (Memory of the World) เมื่อปีที่แล้ว
รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นออกมาเผยการตัดสินใจของโตเกียวในวันนี้ (22 ธ.ค.) โดยอ้างการปฏิรูปภายในยูเนสโกเป็นเหตุผลทำให้ “เปลี่ยนใจ”
การรุกรานทางทหารอย่างป่าเถื่อนของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นทั้งช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังคงบั่นทอนความสัมพันธ์ญี่ปุ่นกับจีนเรื่อยมา แม้สงครามจะสิ้นสุดไปนานกว่า 70 ปีแล้วก็ตาม
ปีที่แล้ว ยูเนสโกได้ประกาศให้เอกสารที่บันทึกเรื่องราวการสังหารหมู่ที่นานกิงในปี 1937 (Nanjing Massacre) ซึ่งปักกิ่งอ้างว่ามีพลเมืองจีนถูกฆ่าไปถึง 300,000 คน เป็นมรดก “ความทรงจำแห่งโลก” ตามแผนงานของยูเนสโกที่ต้องการอนุรักษ์และเผยแพร่มรดกทางภูมิปัญญาซึ่งถูกบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตั้งคำถามถึงความจริงแท้ (authenticity) ของเอกสารที่องค์กรจีนแห่งหนึ่งส่งมอบให้แก่ยูเนสโก พร้อมเรียกร้องให้มีการปรับปรุง “ความเป็นธรรมและโปร่งใส” ในโครงการบันทึกความทรงจำแห่งโลก เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ฟุมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น บอกกับสื่อมวลชนว่า รัฐบาลได้ส่งมอบเงินอุดหนุนจำนวน 3,850 ล้านเยนให้แก่ยูเนสโกไปเมื่อต้นสัปดาห์นี้
“ผมคิดว่าการปฏิรูประบบ (การคัดเลือก) ของยูเนสโกก้าวหน้าไปมากพอสมควร” คิชิดะ กล่าว พร้อมระบุว่ายูเนสโกเป็นองค์กรที่ส่งเสริมมิตรภาพและความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐสมาชิก
สื่อแดนปลาดิบรายงานว่า รัฐบาลโตเกียวกังวลว่าการระงับเงินอุดหนุนยูเนสโกจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นในเวทีโลก และทำให้สูญเสียอำนาจต่อรองในยูเอ็น
จีนยืนยันว่า เอกสารบันทึกการสังหารหมู่นานกิงและกระบวนการนำเสนอต่อยูเนสโกไม่มีอะไรผิดพลาดทั้งสิ้น พร้อมติเตียนญี่ปุ่นที่ตีโพยตีพายจนถึงขั้นไม่จ่ายเงินอุดหนุนให้ยูเนสโก
ปักกิ่งอ้างว่า ทหารญี่ปุ่นที่บุกถึงเมืองนานกิงได้ลงมือเข่นฆ่าและข่มขืนพลเมืองชาวจีน จนมีคนล้มตายไปมากถึง 300,000 คนในช่วงเวลาเพียง 6 สัปดาห์ ขณะที่คำพิพากษาของศาลฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงหลังสงครามได้ลดตัวเลขลงมาเหลือเพียง “ครึ่งหนึ่ง”
กลุ่มชาวญี่ปุ่นหัวอนุรักษนิยมเชื่อว่า บันทึกเรื่องราวในสงครามนานกิงถูกใส่สีตีไข่จนเกินจริงไปมาก
ความสัมพันธ์โตเกียว-ปักกิ่งยังถูกกัดเซาะด้วยข้อพิพาททางทะเล และความหวาดระแวงที่จีนสยายอิทธิพลทางทหารอย่างก้าวร้าว ขณะที่ญี่ปุ่นก็มีมาตรการเสริมเขี้ยวเล็บให้แก่ตนเองอย่างต่อเนื่อง
บันทึกการสังหารหมู่นานกิงซึ่งบอกเล่าเรื่องราวระหว่างวันที่ 13 ธ.ค. ปี 1937 จนถึงต้นปี 1938 ประกอบด้วยเอกสารของศาลฝ่ายสัมพันธมิตรและศาลทหารจีน ตลอดจนภาพถ่ายที่อ้างว่าทหารญี่ปุ่นเป็นผู้บันทึกไว้ และแผ่นฟิล์มของมิชชันนารีชาวอเมริกัน