รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่อาวุโสของญี่ปุ่นและจีนมีความเห็นพ้องกันเมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) ที่จะดำเนินการเจรจาระดับสูงเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์อันหลุดลุ่ยของทั้งสองประเทศ เจ้าหน้าที่รัฐบาลแดนอาทิตย์อุทัยกล่าว
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นซึ่งมัวหมองมานานจากการอ้างสิทธิทับซ้อนเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออกและจากการรุนรานจีนของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เป็นไปในทางที่ดีขึ้นนับตั้งแต่ที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2014
แต่ความพยายามอันสำเร็จผลของจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในการรวมรวมเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่นานกิงปี 1937 ในโครงการหนึ่งของหน่วยงานด้านวัฒนธรรมและมรดกของสหประชาชาติหรือยูเนสโกได้กลายเป็นตัวกระตุ้นความขุ่นเคืองขึ้นมาใหม่
ในกรุงโตเกียว หยาง เจียฉี นักการทูตระดับสูงของจีน และ โชทาโร ยาชิ หัวหน้าสำนักเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของญี่ปุ่น ได้เห็นพ้องที่จะผลักดันการเจรจาทวิภาคีรวมถึงการเจรจาระหว่างผู้นำสูงสุด เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นรายดังกล่าวระบุ
“ยังคงประเด็นปัญหาบางอย่างระหว่างสองประเทศอย่างเช่นสถานการณ์ในทะเลจีนตะวันออก แต่ผมอยากให้พวกเราแลกเปลี่ยนทัศนะกันอย่างตรงไปตรงมาในวันนี้เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีพัฒนาไปมากกว่านี้” ยาชิบอกกับหยางก่อนที่การเจรจาจะเริ่มขึ้น
ประเด็นที่จะถูกยกขึ้นมาหารือประกอบด้วยความสัมพันธ์โดยรวมระหว่างประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของเอเชีย 2 แห่งนี้ นโยบายด้านความมั่นคงของพวกเขา และความพยายามที่จะสร้างกลไกการติดต่อฉุกเฉินระหว่างกองทัพของพวกเขา เจ้าหน้าที่คนเดิมระบุ แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ยาชิ ซึ่งก็เป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอาเบะด้วย ได้กล่าวย้ำในการประชุมนี้ถึงจุดยืนของญี่ปุ่นเกี่ยวกับการที่จีนรวมรวบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่นานกิงซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนในโครงการ “ความทรงจำโลก” (Memory of the World) ของยูเนสโก เจ้าหน้าที่รายนี้กล่าว
จีนระบุว่า ทหารจักรวรรดิญี่ปุ่นสังหารผู้คนไปมากถึง 300,000 คนในการสังหารหมู่ดังกล่าว ศาลสัมพันธมิตรหลังสงครามระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตแท้จริงอยู่ที่ราวๆ ครึ่งหนึ่งของจำนวนที่จีนกล่าวอ้าง
เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวก่อนหน้านั้นในวันอังคาร (13) ว่า โตเกียวอาจระงับการให้ทุนสนับสนุนยูเนสโกจากการตัดสินใจขึ้นทะเบียนเอกสารดังกล่าของหน่วยงานนี้ สิ่งนี้นำมาซึ่งการตอบโต้อย่างทันควันจากจีน ซึ่งเรียกมันว่าเป็นการข่มขู่ “อย่างน่าตกตะลึงและไม่อาจยอมรับได้”
สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงานโดยอ้างจากคำพูดของหยางว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศถูกนำพาไปในทิศทางที่มั่นคงกว่าเดิม แต่เขาเรียกร้องให้ญี่ปุ่นจัดการกับประเด็น “อ่อนไหว” ต่างๆ
“หวังว่าฝ่ายญี่ปุ่นจะสามารถปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาของพวกเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดำเนินนโยบายเชิงบวกต่อจีน และจัดการกับประเด็นทางประวัติศาสตร์ ทางทหาร ความมั่นคง รวมถึงประเด็นที่สำคัญและอ่อนไหวอื่นๆ อย่างเหมาะสม” หยางกล่าว
หยางซึ่งเป็นมนตรีแห่งรัฐ ตำแหน่งที่สูงว่ารัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน มีกำหนดพบปะกับ อาเบะ ในวันนี้ (14) ด้วย