รอยเตอร์ - รัฐบาลสายกลางของเปรูภายใต้การนำของประธานาธิบดี เปโดร ปาโบล คักซินสกี ปฏิเสธข้อเรียกร้องปล่อยตัวอดีตประธานาธิบดี อัลเบร์โต ฟูจิโมริ อีกครั้งเมื่อวานนี้ (16 ธ.ค.) โดยอ้างว่าเอกสารที่ยื่นไม่ถูกต้องตามเกณฑ์ที่กำหนด
มาริซอล เปเรซ เทลโล รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเปรู แถลงว่า รัฐบาลได้รับเอกสารคำร้องเมื่อต้นเดือนนี้ แต่ไม่สามารถรับพิจารณาได้ เนื่องจากยังขาดลายเซ็นของ ฟูจิโมริ และญาติของเขาอีกคนหนึ่ง
“น่าเสียดายที่กระบวนการนี้ไม่สำเร็จอีกครั้ง... ด้วยเหตุผลเรื่องรูปแบบ และยังไม่ได้มีการพิจารณาประเด็นสำคัญๆ เลยด้วยซ้ำ” เปเรซ แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ Canal N
ข่าวนี้ถูกประกาศออกมาก่อนจะมีการพบปะระหว่างประธานาธิบดี คักซินสกี กับ เคอิโกะ ฟูจิโมริ บุตรสาวของอดีตประธานาธิบดี ซึ่งเวลานี้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน
การพบปะครั้งนี้เป็นที่คาดหมายว่า อาจจะมีการเจรจาขออภัยโทษให้แก่อดีตประธานาธิบดี ฟูจิโมริ วัย 78 ปี เพื่อผ่อนคลายความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน หลังจากที่พรรคฝ่ายขวาของ เคอิโกะ ฟูจิโมริ ซึ่งครองเสียงข้างมากในรัฐสภาเพิ่งจะลงมติปลดรัฐมนตรีกระทรวงการศึกษาออกเมื่อวันพฤหัสบดี (15)
คักซินสกี ซึ่งชนะ ฟูจิโมริ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบสองด้วยคะแนนเฉียดฉิวเมื่อเดือน มิ.ย. ยืนยันตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่งว่า จะไม่มีวันเซ็นอนุมัติคำสั่งอภัยโทษให้แก่บิดาของ ฟูจิโมริ ซึ่งต้องคดีละเมิดสิทธิมนุษยชนและทุจริตคอร์รัปชัน ต่อให้คณะกรรมการอภัยโทษแนะนำให้ทำเช่นนั้นก็ตาม แต่ยินดีที่จะเซ็นกฎหมายเปิดทางให้นักโทษสูงวัยเช่นอดีตประธานาธิบดี ฟูจิโมริ สามารถรับโทษกักบริเวณในบ้านพักแทน
พรรคพลังประชาชน (Popular Force) ของ เคอิโกะ ฟูจิโมริ ครองเสียงข้างมากในสภาเดี่ยวของเปรู แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการเสนอร่างกฎหมายเช่นนี้มาก่อน
คำร้องขอปล่อยตัว อัลเบร์โต ฟูจิโมริ ครั้งล่าสุดมาจากผู้สนับสนุนคนหนึ่ง ซึ่งขอให้รัฐบาล คักซินสกี ยอมอภัยโทษ หรือไม่ก็อนุญาตให้ ฟูจิโมริ ออกจากเรือนจำไปรับโทษกักบริเวณในบ้านพัก เนื่องจากอดีตประธานาธิบดีมีโรคภัยรุมเร้าจนต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ฟูจิโมริ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำเปรูในช่วงปี 1990-2000 ถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 25 ปี ตั้งแต่ปี 2007 ในข้อหาคอร์รัปชัน และละเมิดสิทธิมนุษยชน
แม้จะปกครองประเทศแบบเผด็จการ แต่ฝ่ายสนับสนุน ฟูจิโมริ ก็อ้างว่า ผู้นำรายนี้ช่วยให้เปรูพ้นจากภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอย และโทษว่าเป็นความผิดของหัวหน้าหน่วยข่าวกรองที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมทุจริตอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นเหตุให้ ฟูจิโมริ ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศในปี 2000
ชาวเปรูจำนวนไม่น้อยยังคงชื่นชมผลงานของรัฐบาล ฟูจิโมริ ที่ช่วยกวาดล้างขบวนการไชนิงพาท (Shining Path) ซึ่งนิยมลัทธิเหมา และยังก่อสร้างโรงเรียนและตัดถนนเข้าถึงจังหวัดที่อยู่ในเขตชนบทห่างไกล