รอยเตอร์ - ชาวเปรูนับพันคนออกมาชุมนุมประท้วงบนท้องถนนใจกลางกรุงลิมาเมื่อวานนี้ (22 ก.ค.) เพื่อเรียกร้องรัฐบาลชุดใหม่ให้คืนอิสรภาพแก่ อัลเบร์โต ฟูจิโมริ อดีตผู้นำเผด็จการ ซึ่งพวกเขายังเชื่อว่าเป็นวีรบุรุษของชาติที่ถูกสังคมเข้าใจผิด
ฟูจิโมริจะมีอายุครบ 78 ปีในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ เปโดร ปาโบล คักซินสกี จะขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของเปรู
อดีตผู้นำรายนี้ถูกศาลเปรูตัดสินจำคุกเป็นเวลา 25 ปีตั้งแต่ปี 2007 ในข้อหาคอร์รัปชัน และละเมิดสิทธิมนุษยชน ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศในช่วงปี 1990-2000
ผู้ชุมนุมต่างโบกธงสีขาวและป่าวร้องสโลแกน “คืนอิสรภาพให้ฟูจิโมริ” (Fujimori Freedom) ทั้งยังชูป้ายข้อความที่มีภาพถ่ายฟูจิโมริในสภาพอิดโรย
ฟูจิโมริต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเนื่องจากมีโรครุมเร้า ลูกๆ ของเขาเคยพยายามร้องขอให้ประธานาธิบดีโอยันตา อูมาลา ประกาศนิรโทษกรรม โดยอ้างว่าบิดาอายุมากและสุขภาพก็ย่ำแย่เต็มทน แต่รัฐบาลอูมาลาก็ปฏิเสธคำขอในปี 2013 หลังแพทย์วินิจฉัยว่าอาการของ ฟูจิโมริ ยังไม่เลวร้ายถึงที่สุด
“คุณคักซินสกี ได้โปรดเถอะ ประชาชนขอร้องคุณจากใจจริงให้คืนอิสรภาพแก่อดีตประธานาธิบดีอัลเบร์โต ฟูจิโมริ” มาเวลา อัลคาลา ผู้ประท้วงคนหนึ่งกล่าว
คักซินสกีซึ่งเอาชนะ เคกิโอะ ฟูจิโมริ บุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีมาได้อย่างฉิวเฉียดในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนที่แล้ว ระบุว่าตนจะผลักดันกฎหมายเปิดทางให้ผู้ต้องขังสูงวัย เช่น ฟูจิโมริ สามารถออกจากเรือนจำมารับโทษกักบริเวณภายในบ้านพักแทน
อย่างไรก็ดี เขายืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมให้ ฟูจิโมริ พ้นผิด
“พวกเขามีสิทธิที่จะทำตามที่ต้องการ” คักซินสกี ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นเกี่ยวกับการชุมนุมของผู้สนับสนุนฟูจิโมริ
“ถ้าพวกเขาอยากขอนิรโทษกรรม พวกเขาก็มีสิทธิร้องขอได้”
แม้จะปกครองประเทศแบบเผด็จการ แต่ฝ่ายสนับสนุนฟูจิโมริก็อ้างว่าผู้นำรายนี้ช่วยให้เปรูพ้นจากภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอย และโทษว่าเป็นความผิดของหัวหน้าหน่วยข่าวกรองที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมทุจริตอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นเหตุให้ฟูจิโมริต้องลี้ภัยไปต่างประเทศในปี 2000
ชาวเปรูจำนวนไม่น้อยยังคงชื่นชมผลงานของรัฐบาลฟูจิโมริที่ช่วยกวาดล้างขบวนการไชนิงพาท (Shining Path) ซึ่งนิยมลัทธิเหมา และยังก่อสร้างโรงเรียนและตัดถนนเข้าถึงจังหวัดที่อยู่ในเขตชนบทห่างไกล
เคอิโกะ ฟูจิโมริ และ ส.ส.เคนจิ ฟูจิโมริ น้องชายของเธอ ไม่ได้ไปร่วมเดินขบวนประท้วงครั้งนี้ ซึ่งแหล่งข่าวของรอยเตอร์ระบุว่ามีประชาชนออกมาแสดงพลังประมาณ 1,000-2,000 คน ส่วนพวกสมาชิกรัฐสภาคนสำคัญๆ ที่เคยช่วยโปรโมตกิจกรรมดังกล่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ก็หายหน้าไปหมดเช่นกัน