เอเอฟพี - ทำเนียบขาวออกมาระบุชัดเจนวานนี้ (15 ธ.ค.) ว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย มีส่วนพัวพันโดยตรงกับการโจมตีทางไซเบอร์ เพื่อแทรกแซงผลการเลือกตั้งในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งเป็นการกล่าวหาอย่างโต้งๆ ที่คาดว่าจะกระพือความขัดแย้งระหว่าง 2 มหาอำนาจนิวเคลียร์ให้ปะทุหนักขึ้น
การกล่าวหา ปูติน เช่นนี้ ส่งผลให้ทำเนียบขาวเองต้องมีมาตรการตอบโต้อย่างสาสมต่อการแทรกแซงของรัสเซีย ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุให้ตัวเก็งอย่าง ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ ไปแบบหักปากกาเซียน
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เตรียมจะแถลงข่าวในเวลา 14.15 น. ของวันนี้ (2.15 น. วันเสาร์ ตามเวลาในประเทศไทย) ก่อนจะเดินทางไปใช้วันหยุดพักผ่อนที่รัฐฮาวาย ซึ่งคาดว่าผู้นำสหรัฐฯ คงจะถูกกองทัพสื่อมวลชนยิงคำถามเรื่องการแฮกเลือกตั้งด้วย
“ผมไม่เชื่อว่า วลาดิมีร์ ปูติน จะไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นภายในรัฐบาลรัสเซีย” เบน โรดส์ ที่ปรึกษาอาวุโสของ โอบามา ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ MSNBC
“จากทุกสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติการของรัสเซีย และแนวทางที่ ปูติน ใช้ควบคุมรัฐบาลของเขา บ่งชี้ว่า การรุกรานทางไซเบอร์ที่ร้ายแรงถึงขั้นนี้ต้องเกี่ยวพันถึงผู้นำระดับสูงสุดของรัฐบาลแน่นอน”
“และท้ายที่สุด วลาดิมีร์ ปูติน ก็คือผู้ที่จะต้องรับผิดชอบกับการกระทำของรัฐบาลรัสเซีย”
จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวในทำนองเดียวกันว่า การที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ออกมาประณาม “เจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของรัสเซีย” อย่างเปิดเผยเมื่อเดือน ต.ค. นั้น “ไม่ใช่คำพูดอ้อมค้อม” แต่อย่างใด
การกล่าวโทษ ปูติน ครั้งนี้ยังเพิ่มความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวกับว่าที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ยอมรับว่ารัสเซียเกี่ยวข้องกับการแฮกอีเมลของ คลินตัน และเจ้าหน้าที่พรรคเดโมแครต
“ถ้ารัสเซีย หรือองค์กรอื่น แฮ็กข้อมูลจริงๆ ทำไมทำเนียบขาวถึงรีรออยู่นานกว่าจะออกมาตอบโต้? ทำไมพวกเขาถึงมาร้องเรียนเอาตอนที่ คลินตัน แพ้?” ทรัมป์ ทวีตข้อความ
อย่างไรก็ดี เสียงจากประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ ที่สรุปชัดเจนขึ้นทุกขณะ ทำให้มหาเศรษฐีวัย 70 ปี ถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
รัฐบาสหรัฐฯ รวมไปถึงแกนนำพรรครีพับลิกันเอง ก็ออกมายอมรับในข้อสรุปของสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) และสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ซึ่งอีกเพียง 5 สัปดาห์ก็จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ทรัมป์ ในฐานะประธานาธิบดีคนใหม่
เมื่อวันพุธ (14) ส.ว. ลินด์ซีย์ เกรแฮม จากพรรครีพับลิกัน ระบุว่า ตนได้รับแจ้งจากเอฟบีไอตั้งแต่เดือน ส.ค. ว่า แคมเปญของพรรคก็ตกเป็นเหยื่อการจารกรรมข้อมูลด้วยเช่นกัน
“ผมต้องการให้ประธานาธิบดี ทรัมป์ ออกคำสั่งคว่ำบาตรรัสเซียให้หนัก พวกเขาจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้”
ไมเคิล เฮย์เดน อดีตผู้อำนวยการซีไอเอ ชี้ว่า ทรัมป์ “เป็นบุคคลสำคัญในอเมริกาเพียงคนเดียวที่ยังไม่ยอมรับว่า รัสเซียได้แทรกแซงผลการเลือกตั้งในสหรัฐฯ อย่างลับๆ”
“สิ่งที่คุณ ทรัมป์ พูดนั้นไม่ต่างอะไรกับข้อแก้ตัวของคุณ ปูติน เลย” เขากล่าว
ทำเนียบเครมลินยังคงปฏิเสธเสียงแข็งว่า ผู้นำรัสเซียไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแฮกเลือกตั้งในสหรัฐฯ
ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกของ ปูติน ให้สัมภาษณ์วานนี้ (15) ว่า ข้อครหาทั้งหมดเป็น “เรื่องไร้สาระที่น่าขำ และไม่มีมูล”
ในส่วนที่ ทรัมป์ ตั้งคำถามว่า เหตุใดจึงไม่มีใครออกมาโวยวายเรื่องนี้ก่อนที่เขาจะชนะเลือกตั้ง ประธานาธิบดี โอบามา ได้เอ่ยย้ำหลายครั้งว่าคณะกรรมการพรรคเดโมแครตแห่งชาติ และคณะกรรมการพรรครีพับลิกันแห่งชาติ ต่างได้รับแจ้งเตือนเรื่องการแฮกข้อมูลและภัยคุกคามจากรัสเซียก่อนถึงวันที่ 8 พ.ย. นานพอสมควร