รอยเตอร์/MGRออนไลน์ - เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ ชุย เทียนไข่ กล่าวในวันพุธ (14 ธ.ค.) ว่า ปักกิ่งจะไม่มีวันต่อรองกับวอชิงตันในประเด็นปัญหาซึ่งเกี่ยวข้องกับอธิปไตยแห่งชาติ หรือบูรณภาพแห่งดินแดนของตนเองอย่างเด็ดขาด คำพูดนี้เห็นกันว่าเป็นการเตือนอ้อมๆ ถึงว่าที่ประธานาธิบดีอเมริกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วันได้ออกมาแสดงท่าทีว่าอาจเปลี่ยนแปลงไม่ยึดมั่นกับ “นโยบายจีนเดียว” ที่ถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
ระหว่างกล่าวปราศรัยกับพวกผู้บริหารของบริษัทอเมริกันระดับท็อป เอกอัครราชทูตชุยบอกว่า จีนกับสหรัฐฯจำเป็นที่จะต้องทำงานเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง
“รากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน - สหรัฐฯ ไม่ควรที่จะถูกบ่อนทำลาย หากควรที่จะสงวนรักษาเอาไว้” ชุย กล่าว
“และบรรทัดฐานพื้นฐานทั้งหลายของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ควรที่จะได้รับการเคารพปฏิบัติตาม ไม่ใช่เพิกเฉยละเลย แน่นอนทีเดียวว่าไม่ใช่เป็นอะไรซึ่งคุณสามารถต่อรองได้” เขาบอก “และแน่นอนว่า เรื่องอธิปไตยแห่งชาติและบูรณภาพแห่งดินแดนไม่ใช่เป็นหมากสำหรับการต่อรอง ไม่ใช่อย่างเด็ดขาด ผมหวังว่าทุกๆ คนจะเข้าใจเรื่องนี้”
เขาไม่ได้เอ่ยอ้างเจาะจงเป็นพิเศษใดๆ ถึงไต้หวัน หรือการแสดงความเห็นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาของทรัมป์ ที่ว่า สหรัฐฯไม่จำเป็นต้องยึดมั่นกับนโยบายที่ใช้มาร่วมๆ 40 ปีแล้วซึ่งยอมรับว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของ “จีนเดียว”
การแสดงความเห็นของชุยคราวนี้ สอดคล้องกับการออกมาประท้วงของกระทรวงการต่างประเทศจีนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่า หลักการ “จีนเดียว” เป็น “พื้นฐานทางการเมือง” สำหรับสายสัมพันธ์สหรัฐฯ - จีน
ปักกิ่งถือว่าไต้หวันเป็นมณฑลกบฏ และไม่เคยเลยที่จะให้คำมั่นว่าจะไม่ใช้กำลังเพื่อนำเอาไต้หวันกลับมาอยู่ใต้การควบคุมของตน ตรงกันข้ามจีนยังคงถือว่าเรื่องเอกราชของไต้หวันเป็นประเด็นปัญหาฮอตไลน์ที่ยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้
เมื่อวันพฤหัสบดี (15) โกลบอลไทมส์ หนังสือพิมพ์แทบลอยด์ชาตินิยม ซึ่งอยู่ในเครือของหนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า ปากเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ออกบทบรรณาธิการ กล่าวว่า จีนจำเป็นที่จะต้องแสดงบทบาทผู้นำในการตัดสินอนาคตของไต้หวัน
“เป็นที่วาดหวังกันว่าสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน (ซึ่งก็คือความสัมพันธ์ระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับไต้หวัน) จะไม่ถูกก่อกวน ทว่า จีนแผ่นดินใหญ่ก็ควรที่จะแสดงให้เห็นความเด็ดเดี่ยวของตนที่จะนำเอาไต้หวันกลับคืนมาโดยการใช้กำลัง สันติภาพไม่ได้เป็นสมบัติของคนขี้ขลาด” บทบรรณาธิการนี้ กล่าว
ทรัมป์นั้น ระหว่างให้สัมภาษณ์รายการ “ฟ็อกซ์นิวส์ซันเดย์” ออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ (11) ที่ผ่านมา ได้พูดเสนอแนะว่าจุดยืนของสหรัฐฯเกี่ยวกับไต้หวัน อาจถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งของเขา ที่จะทำการเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้เงื่อนไขทางการค้าที่ดีขึ้นกว่าเดิมจากประเทศจีน
“ผมเข้าใจอย่างเต็มที่ในเรื่องนโยบาย ‘จีนเดียว’ แต่ผมไม่รู้ว่าทำไมเราต้องถูกผูกมัดจากนโยบาย ‘จีนเดียว’ เว้นเสียแต่ว่าเราได้ข้อตกลงยินยอมจากจีนเกี่ยวกับการทำสิ่งอื่นๆ ด้วย เป็นต้นว่าเรื่องการค้า” ทรัมป์ กล่าว
ทรัมป์แสดงความเห็นเช่นนี้ หลังจากที่เขาถูกประท้วงทางการทูตอย่างทันทีทันควันจากจีน จากการที่เขาตัดสินใจที่จะรับโทรศัพท์จากประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม
พวกผู้บริหารภาคธุรกิจของสหรัฐฯในเวลานี้กำลังมองโลกแง่ร้ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับลู่ทางโอกาสทางธุรกิจของพวกเขาในประเทศจีน เมื่อพิจารณาจากมาตรการจำกัดเข้มงวดของแดนมังกรต่อการลงทุนของต่างชาติในภาคบริการอันกว้างขวางมหึมาของตน, กฎระเบียบใหม่ด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ซึ่งทำให้เทคโนโลยีภายในของจีนเป็นฝ่ายได้เปรียบ, และการที่จีนบังคับใช้มาตรการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างอ่อนปวกเปียก
ก่อนหน้านี้ ในวันพุธ (14) เช่นกัน มีรายงานข่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่จีนอาจจะลงโทษผู้ผลิตรถยนต์สหรัฐฯรายหนึ่งสำหรับพฤติการณ์ตั้งราคาแบบมุ่งผูกขาด ข่าวนี้ทำให้ราคาหุ้นทั้งของบริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และ บริษัท ฟอร์ดมอเตอร์ พากันลดต่ำ
ชุยไม่ได้เอ่ยถึงกรณีภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ แต่กล่าวว่า “จีนจะทำให้เป็นที่มั่นใจได้ว่าสนามแข่งขัน (ทางการค้า) ในจีน มีความเท่าเทียมกัน สำหรับทุกๆ บริษัท ทั้งบริษัทภายในประเทศและบริษัทต่างประเทศ”