รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศอย่างเป็นทางการในวันอังคาร (13 ธ.ค.) ว่า เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน (Rex Tillerson) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ เอ็กซอน-โมบิล คือผู้ที่เขาเลือกเสนอชื่อแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ พร้อมกับยกย่องสรรเสริญผู้นำภาคธุรกิจผู้นี้ว่า เป็นนักเจรจาทำข้อตกลงระหว่างประเทศผู้ประสบความสำเร็จ และมีประสบการณ์การนำการดำเนินงานในขอบเขตทั่วโลก
ประสบการณ์ในเชิงการทูตของทิลเลอร์สันที่สำคัญมาจากการเจรจาทำดีลกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้กับเอ็กซอน ซึ่งมีฐานะเป็นบริษัทในภาคพลังงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ถึงแม้มีคำถามข้อข้องใจเกิดขึ้นมาเช่นกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผู้บริหารทรงอำนาจแห่งวงการน้ำมันผู้นี้กับประเทศรัสเซีย
“เขาจะเป็นตัวแทนที่เข้มแข็ง ทรงพลัง และสายตาแหลมคม ให้แก่ผลประโยชน์แห่งชาติอันสำคัญยิ่งยวดของอเมริกา และช่วยกลับหลังหันช่วงเวลาหลายปีแห่งนโยบายและการปฏิบัติการด้านการต่างประเทศที่เดินไปในทางที่ผิดพลาด ซึ่งทำให้ความมั่นคงปลอดภัยของอเมริกาและฐานะในโลกของอเมริกาต้องอ่อนแอลง” ทรัมป์ระบุในคำแถลงแจ้งการเสนอชื่อของเขาคราวนี้
ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งในทีมงานรับมอบอำนาจของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ทรัมป์เลือกทิลเลอร์สันซึ่งปัจจุบันมีอายุ 64 ปี หลังจากที่ชาวเทกซัสผู้นี้ได้รับการหนุนหลังเห็นชอบจากตัวบุคคลในชนชั้นนำของพรรครีพับลิกันเป็นจำนวนมาก เช่น อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ เจมส์ เบเกอร์, อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ คอนโดลีซซา ไรซ์, และอดีตรัฐมนตรีกลาโหม โรเบิร์ต เกตส์
ไรซ์ และเกตส์ต่างได้ออกคำแถลงแสดงความสนับสนุนในวันอังคาร (13)
เห็นกันว่าความสนับสนุนเช่นนี้ยังจะมีความสำคัญยิ่งในการช่วยให้ทิลเลอร์สันก้าวผ่านการพิจารณารับรองของวุฒิสภา ซึ่งเป็นไปได้ทีเดียวว่าจะเป็นศึกที่ดุเดือด โดยมีจุดโฟกัสอยู่ที่ความสัมพันธ์ของเขาที่มีอยู่กับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย
ทางด้านวุฒิสมาชิก บ็อบ คอร์กเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภา ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกระบุว่าเป็นตัวเลือกรายหนึ่งที่ทรัมป์พิจารณาเพื่อให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีต่างประเทศของเขาเช่นกัน ได้ออกคำแถลงกล่าวว่า เขาจะจัดการให้ปากคำเพื่อพิจารณารับรองการแต่งตั้งคราวนี้ในช่วงต้นเดือนมกราคม พร้อมกันนั้นเขาได้กล่าวถึงทิลเลอร์สันว่าเป็น “บุคคลที่น่าประทับใจมาก” และมี “ความรอบรู้ที่ใช้งานได้เกี่ยวกับโลกอย่างพิเศษผิดธรรมดา”
เมื่อปี 2013 ปูตินได้มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งรัฐของรัสเซียชั้น “ออร์เดอร์ ออฟ เฟรนด์ชิพ” (Order of Friendship) ให้ทิลเลอร์สัน โดยยกย่องผลงานของเขา “ในการเสริมสร้างความมั่นคงในภาคพลังงาน”
ทรัมป์นั้นมีความมั่นใจว่าทิลเลอร์สันสามารถก้าวผ่านคำถามต่างๆ ในเรื่องสายสัมพันธ์ที่มีอยู่กับรัสเซีย เจ้าหน้าที่ทีมงานรับมอบตำแหน่งผู้นั้นกล่าวกับรอยเตอร์
ขณะที่คำแถลงของทรัมป์เองบอกว่า “ความสัมพันธ์ที่เขามีอยู่กับผู้นำต่างๆ ทั่วโลกนั้นไม่ได้เป็นที่สองรองใคร”
อย่างไรก็ตาม มีสมาชิกรัฐสภาจากทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันออกมาตั้งคำถามแสดงความข้องใจในเรื่องที่จะแต่งตั้งทิลเลอร์สัน ตลอดจนอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ จอห์น โบลตัน ที่มีการอ้างอิงกันว่าอาจจะได้เป็นรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ทั้งนี้เฉพาะตัวโบลตันนั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้มีแนวความคิดสายเหยี่ยวสุดโต่ง โดยเฉพาะในเรื่องอิรัก และอิหร่าน
ชาวรีพับลิกันและเดโมแครตในรัฐสภาเหล่านี้บอกว่า พวกเขาจะซักไซ้ไล่เรียงทิลเลอร์สัน ผู้ซึ่งได้พบปะหารือกับปูตินหลายครั้ง เกี่ยวกับการติดต่อเชื่อมโยงของเขาที่มีอยู่กับรัสเซีย โดยเขาเพิ่งได้รับคำยกย่องสรรเสริญสดๆ จากมอสโกเมื่อวันจันทร์ (12) ที่ผ่านมานี้เอง
วุฒิสมาชิก จอห์น แมคเคน อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันในปี 2008 และเป็นผู้ทรงอิทธิพลในด้านนโยบายการต่างประเทศคนหนึ่ง บอกกับรอยเตอร์ว่า “ผมมีความเป็นห่วง มันเป็นเรื่องที่ทราบกันดียิ่งอยู่แล้วว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากกับ วลาดิมีร์ ปูติน”
ขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ยังกำลังเกิดการโต้เถียงไม่ลงรอยกันในวงการเมืองสหรัฐฯ เกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวหากันว่ารัสเซียอาจมีบทบาทในการโจมตีทางไซเบอร์ด้วยจุดประสงค์ที่จะแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน โดยช่วยเหลือทรัมป์ให้มีชัยชนะเหนือฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครของพรรคเดโมแครต
ทรัมป์แสดงท่าทีไม่ให้ราคาต่อรายงานข่าวเรื่องนี้โดยบอกว่าน่าหัวเราะเยาะ ขณะที่สมาชิกรัฐสภาชั้นนำทั้งของเดโมแครตและของรีพับลิกัน รวมทั้งแมคเคนด้วย กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับประเทศชาติ และประกาศจัดให้มีการสอบปากคำของฝ่ายรัฐสภาเพื่อให้ได้ความกระจ่างเกี่ยวกับข้อกล่าวหานี้
สำหรับวงการธุรกิจนั้น ข่าวที่ทรัมป์เลือกทิลเลอร์สันได้รับการต้อนรับกันอย่างยินดีปรีดา
“เรามีความยินดีที่เร็กซ์จะนำเอาทัศนะมุมมองทางธุรกิจเข้าไปยังกระทรวงการต่างประเทศ” สมาคมผู้ผลิตทางอุตสาหกรรมแห่งชาติระบุในคำแถลง
ทรัมป์เลื่อนแถลงเรื่อง 'ไม่ยุ่งธุรกิจ' ระหว่างเป็นประธานาธิบดี
ขณะที่กำลังคัดสรรตัวบุคคลเข้ามาบรรจุในคณะรัฐมนตรีของเขาอย่างวุ่นวายอยู่นี้ ทรัมป์ก็ต้องเตรียมตัวตอบคำถามในเรื่องที่ว่าเขาจะใช้วิธีการอย่างไรมาแยกตัวเขาเองออกจากอาณาจักรธุรกิจอันกว้างขวางของเขา ก่อนหน้าจะสาบานตัวขึ้นเป็นประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม
ก่อนหน้านี้เขาวางแผนจะจัดการแถลงข่าวในวันพฤหัสบดี (15) นี้เพื่อแจกแจงรายละเอียด ทว่าได้ขอเลื่อนออกไปเป็นวันอังคารหน้า (20) โดยพวกผู้ช่วยอธิบายว่าเนื่องจากต้องเร่งเลือกสรรคนมาเข้ารับตำแหน่งในคณะบริหารของเขา
ในการทวีตข้อความอย่างต่อเนื่องเป็นชุดช่วงตอนดึกของวันจันทร์ (12) ทรัมป์บอกว่าเขาจะถอนตัวออกจากธุรกิจของเขาก่อนวันที่ 20 มกราคม เพื่อที่เขาจะได้โฟกัสทุ่มเวลาเต็มที่ให้แก่การเป็นประธานาธิบดี รวมทั้งระบุว่าเขาจะปล่อยให้บุตรชายของเขา 2 คน คือ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ กับ อิริก ทรัมป์ เป็นผู้บริหารจัดการธุรกิจเหล่านี้
เขาไม่ได้เอ่ยชื่อ อีวังกา บุตรสาวคนโตของเขา ผู้ซึ่งเท่าที่ผ่านมาเป็นเพลเยอร์ศูนย์กลางผู้โดดเด่นในกิจการด้านธุรกิจของเขา แต่กล่าวกันว่าเธอกำลังพิจารณาที่จะโยกย้ายไปพำนักที่กรุงวอชิงตันเพื่อช่วยเหลือบิดาของเธอ
“จะไม่มีการทำดีลใหม่ (ทางธุรกิจ) ใดๆ ระหว่างวาระการดำรงตำแหน่งของผม” ทรัมป์ให้สัญญา
เขาบอกด้วยว่าเขาจะจัดการแถลงข่าว “ในอนาคตอันใกล้นี้เพื่อหารือถกเถียงกันเกี่ยวกับธุรกิจเหล่านี้, การเลือกคนเข้าในคณะรัฐมนตรี, ตลอดจนหัวข้อที่น่าสนใจอื่นๆ ทั้งหมด เป็นช่วงเวลาที่ธุระยุ่งจริงๆ!”
ในเวลาเดียวกัน ทรัมป์ก็ยังสร้างคณะบริหารของเขาอย่างต่อเนื่องต่อไป
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับทีมรับมอบตำแหน่งรายหนึ่งระบุว่า ทรัมป์ได้เลือกที่จะเสนอชื่อให้อดีตผู้ว่าการมลรัฐเทกซัส ริก เพอร์รี เป็นรัฐมนตรีพลังงาน โดยคาดว่าจะมีการประกาศกันในเร็วๆ นี้ เพอร์รีได้เข้าพบทรัมป์เมื่อวันจันทร์ (12) ณ อาคารทรัมป์ทาวเวอร์ในนครนิวยอร์ก
จากการเลือกทิลเลอร์สัน หมายความว่าทรัมป์เมิน มิตต์ รอมนีย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันปี 2012 รอมนีย์นั้นเป็นผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์อย่างแรงในระหว่างช่วงการรณรงค์หาเสียง แต่ได้ไปพูดจาเป็นอันดีกับว่าที่ประธานาธิบดี ในการเข้าพบซึ่งเห็นกันว่าคือการสัมภาษณ์งานในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ
“เป็นเกียรติมากที่ได้รับการพิจารณาให้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศที่ยิ่งใหญ่ของเรา” รอมนีย์โพสต์ข้อความเช่นนี้ในเฟซบุ๊กคืนวันจันทร์ (12)