เอเอฟพี/รอยเตอร์ – ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศในวันพฤหัสบดี (1 ธ.ค.) ว่า เขาได้เลือก เจมส์ แมตทิส (James “Mad Dog” Mattis) พลเอกนาวิกโยธินเกษียณอายุผู้พูดจาขึงขังสุดห้าว ให้เป็นรัฐมนตรีกลาโหมของเขา
ระหว่างกล่าวปราศรัยต่อที่ชุมนุมผู้สนับสนุนของเขาในเมืองซินซินนาติ มลรัฐโอไฮโอ อภิมหาเศรษฐีสังกัดพรรครีพับลิกันวัย 70 ปี กล่าวว่า “เรากำลังจะแต่งตั้ง ‘แมดด็อก’ แมตทิส เป็นรัฐมนตรีกลาโหมของเรา”
“เขาคือคนที่ดีที่สุดของเรา พวกเขาพูดกันว่าเขาเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดกับนายพลจอร์จ แพตตัน (ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2) เท่าที่เรามีอยู่ตอนนี้” ทรัมป์กล่าว ซึ่งดูจะเป็นการเปิดเผยความลับก่อนกำหนด ภายหลังจากทีมงานเปลี่ยนผ่านรับมอบตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาได้แถลงเอาไว้ว่า ในสัปดาห์นี้จะไม่มีการประกาศผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญใดๆ อีก
แมตทิส ซึ่งเคยเป็นผู้บัญชาการของกองบัญชาการกลางของกองทัพสหรัฐฯ (US Central Command) ที่มีอำนาจควบคุมเหนือกำลังทหารอเมริกันทั้งในตะวันออกกลางและอัฟกานิสถาน จะสามารถเข้ารับตำแหน่งนี้ได้ ก็ต่อเมื่อวุฒิสภาอนุมัติรับรองการแต่งตั้ง รวมทั้งอนุมัติให้ยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายฉบับซึ่งระบุห้ามนายทหารสวมเครื่องแบบคนไหนเข้าเป็นรัฐมนตรีกลาโหมภายในระยะเวลา 7 ปีหลังจากพ้นประจำการ
ขณะนี้อย่างน้อยวุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครตอย่างน้อย 1 คนแล้ว คือ ส.ว.คริสเทน กิลลิแบรนด์ จากรัฐนิวยอร์ก ประกาศว่าจะคัดค้านการยกเว้นเช่นนี้
“การที่พลเรือนเป็นผู้ควบคุมเหนือกำลังทหารของเราคือหลักการพื้นฐานประการหนึ่งของประชาธิปไตยแบบอเมริกัน” เธอทวิตข้อความเช่นนี้เพื่อประกาศท่าที
เวลานี้มีผู้สังเกตการณ์บางคนแสดงความกังวลว่าทรัมป์กำลังปล่อยให้ตนเองถูกแวดล้อมด้วยบุคคลทางทหารมากเกินไปแล้ว เป็นต้นว่า เขาเลือก ไมเคิล ฟลินน์ พลอากาศโทเกษียณอายุให้นั่งตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ อีกทั้งมีข่าวว่า เดวิด เพเทรอัส นายพลเอกเกษียณอายุที่เคยเป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางของกองทัพสหรัฐฯอีกคนหนึ่ง ยังคงอยู่ในข่ายได้รับพิจารณาเพื่อแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ หรือไม่ก็ในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงอื่นๆ
แอดัม ชิฟฟ์ ส.ส.คนสำคัญของเดโมแครตในคณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ถึงแม้กล่าวยกย่อง “ความรู้, ประสบการณ์, และความเป็นผู้นำ” ของแมตทิส แต่ก็แสดงความเป็นห่วงว่านี่จะเป็นการเริ่มต้นสร้างแบบอย่างที่ไม่ค่อยดีนัก
“ความเป็นห่วงเช่นนี้จะยิ่งทวีขึ้นไปอีก ถ้าว่าที่ประธานาธิบดีเสนอชื่อบุคลากรทางทหารคนอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงๆ ในคณะผู้นำพลเรือนในคณะบริหารของเขา” เขากล่าว
ระยะสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วทรัมป์ปักหลักอยู่ที่อาคารทรัมป์ทาวเวอร์ในนครนิวยอร์ก เพื่อชั่งน้ำหนักพิจารณาผู้ที่เขาจะเสนอชื่อเข้ารับตำแหน่งสำคัญๆ ในคณะบริหารชุดใหม่ของเขา ซึ่งจะเริ่มทำงานเมื่อเขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า
เขาได้สัมภาษณ์พูดคุยกับผู้ที่ได้รับการพิจารณาว่าจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศหลายต่อหลายราย รวมทั้ง มิตต์ รอมนีย์ ผู้สมัครของพรรครีพับลิกันเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2012 แต่พ่ายแพ้ต่อบารัค โอบามา ของเดโมแครต ทั้งนี้รอมนีย์ได้กล่าวโจมตีทรัมพ์ตลอดช่วงเวลาการรณรงค์หาเสียงในปี 2016 ทว่าในระยะหลังๆ นี้เขาหันมาพูดยกย่องชมเชยว่าที่ประธานาธิบดีแล้ว
เมื่อวันพุธ (30 พ.ย.) ทรัมป์แถลงว่าเขาจะเสนอชื่อ สตีเวน มนูชิน (Steven Mnuchin) อดีตวาณิชธนกรของโกลด์แมนแซคส์ ให้เป็นรัฐมนตรีคลัง และ วิลเบอร์ รอสส์ (Wilbur Ross) อภิมหาเศรษฐีผู้ขึ้นชื่อเรื่องการเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมที่เผชิญความลำบาก เพื่อนำมาปรับโครงสร้างแล้วขายทิ้งทำกำไร ให้เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์