เอเจนซีส์ - ทรัมป์บอก “น่าหัวเราะ” ข่าวจากสื่ออเมริกันที่บอกว่าซีไอเอจัดทำรายงานระบุ รัสเซียแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งอเมริกาเพื่อช่วยเหลือให้ตัวเขาชนะเลือกตั้ง ขณะที่แกนนำรีพับลิกันหลายคนในรัฐสภากลับให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยจับมือกับฝ่ายเดโมแครตเดินหน้าให้มีการสอบสวนทันที พร้อมกันนั้นยังแสดงความข้องใจ จากการที่ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เล็งแต่งตั้งผู้บริหารบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ที่ฝักใฝ่ปูตินนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ
โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาว่าการกระพือข่าวเรื่องนี้เป็นแผนการของพรรคเดโมแครต พร้อมบอกว่าไม่เชื่อว่าเป็นรายงานจากสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) จริง
“ผมว่าน่าหัวเราะ และคิดว่าเป็นแค่การกล่าวอ้างอีกครั้ง” ว่าที่ประมุขทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์ในรายการ “ฟ็อกซ์ นิวส์ ซันเดย์” ซึ่งนำมาเผยแพร่ออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ (11 ธ.ค.)
ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านข่าวกรองของสหรัฐฯคนหนึ่ง ซึ่งระบุว่าทางหน่วยข่าวกรองสรุปด้วยความมั่นใจอย่างมากว่า รัสเซียไม่เพียงสั่งการให้เจาะระบบคอมพิวเตอร์ของพรรคเดโมแครตเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายบ่อนทำลายโอกาสของฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตในศึกเลือกตั้งทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 8 เดือนที่แล้ว
การที่ทรัมป์แสดงความไม่สนใจในการกล่าวโทษรัสเซียที่แทรกแซงการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญยิ่งของการเมืองอเมริกัน กำลังสร้างความกังวลในหมู่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ว่า ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ อาจอ่อนข้อให้มอสโกที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้นทั้งเรื่องการโจมตีทางไซเบอร์ ตลอดจนสถานการณ์ในไครเมีย ยูเครน และซีเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเมื่อทรัมป์แสดงความชื่นชมประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ออกนอกหน้าหลายครั้ง
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองคนหนึ่งที่ไม่ประสงค์เปิดเผยตัวตนวิจารณ์ท่าทีของทรัมป์ต่อเรื่องนี้ว่า เป็นการกระทำที่ขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับบรรดาบุคลากรด้านความมั่นคงแห่งชาติมืออาชีพ ซึ่งกำลังทำงานทั้งวันทั้งคืนเพื่อปกป้องประเทศ
การวิจารณ์อย่างรุนแรงที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นเช่นนี้ ตอกย้ำความตึงเครียดที่ทรัมป์ก่อขึ้นกับหน่วยงานข่าวกรองตั้งแต่ก่อนที่ตัวเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ปีหน้าด้วยซ้ำ
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันอาทิตย์ (11) เช่นกัน วุฒิสมาชิกอาวุโสของพรรครีพับลิกัน 2 คนที่เป็นแกนนำด้านนโยบายการต่างประเทศ คือ จอห์น แมคเคน และ ลินด์ซีย์ เกรแฮม ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่มอสโกแทรกแซงเพื่อสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และให้สัญญาว่าจะเริ่มต้นสอบสวนทันที
แมคเคน ให้สัมภาษณ์เครือข่ายโทรทัศน์ซีบีเอสว่า ไม่เข้าใจว่าทรัมป์ปฏิเสธเรื่องนี้ได้อย่างไร ทั้งที่ชัดเจนแล้วว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งของอเมริกา และเรื่องนี้จำเป็นต้องมีการสอบสวนต่อ
ไม่เพียงเท่านั้น แมคเคน และเกรแฮม ตัดสินใจเข้าร่วมกับชัค ชูเมอร์ และแจ็ก รีด วุฒิสมาชิกอาวุโสของพรรคเดโมแครต ผลักดันสอบสวนการโจมตีทางไซเบอร์นี้ โดยระบุว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่มีเดิมพันสูงสำหรับประเทศชาติโดยรวม
แมคเคนที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภา เสริมว่า จะตั้งคณะอนุกรรมการที่นำโดยเกรแฮม และเริ่มต้นการสอบสวนกรณีการแฮกของรัสเซียทันที
ก่อนหน้านี้ หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุว่ารัสเซียเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่อีเมลซึ่งรั่วไหลออกมาจากทีมหาเสียงของคลินตันและคณะกรรมการแห่งชาติพรรคเดโมแครต แต่คิดว่าเป็นความพยายามบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการเลือกตั้งของสหรัฐฯ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ (9) หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า ในเวลาต่อมาซีไอเอได้มีรายงานประเมินออกมาว่า จุดประสงค์ในการแฮกของรัสเซียคือเพื่อช่วยให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ถึงแม้ยังมีหน่วยข่าวกรองหน่วยอื่นๆ แย้งว่าข้อมูลยังขาดความชัดเจน
ต่อมาในวันเสาร์ (10) หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานโดยอ้างอิงการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในคณะบริหารสหรัฐฯ ที่บอกว่า หน่วยข่าวกรองมั่นใจมากว่ารัสเซียแฮกทั้งระบบของเดโมแครตและรีพับลิกัน แต่กลับปล่อยเฉพาะเอกสารที่บ่อนทำลายคลินตันผ่านวิกิลีกส์
อย่างไรก็ดี เรนซ์ พรีบัส ประธานคณะกรรมการแห่งชาติพรรครีพับลิกัน และเวลานี้เป็นว่าที่ประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวของทรัมป์ ออกมากล่าวทางรายการ “มีท เดอะ เพรส” ของเครือข่ายทีวีเอ็นบีซี ในวันอาทิตย์ (11) ว่า ระบบของคณะกรรมการแห่งชาติรีพับลิกันไม่ได้ถูกแฮกแต่อย่างใด ขณะที่จูเลียน แอสซานจ์ ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์ ยืนยันว่าเว็บไซต์ของตนไม่มีสายสัมพันธ์กับรัฐบาลรัสเซีย
ด้านเคลลีแอนน์ คอนเวย์ ที่ปรึกษาของทรัมป์ ยืนยันว่า ทรัมป์ไม่คิดแทรกแซงการสอบสวนของรัฐสภา รวมทั้งเคารพการทำงานของหน่วยข่าวกรอง แต่มองว่ารายงานข่าวเรื่องรัสเซียเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการโต้แย้งไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง
ทว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ ทรัมป์กลับพูดตรงข้ามว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่นในหน่วยงานข่าวกรองสักเท่าไร และจะสังคายนาหน่วยงานเหล่านี้หลังจากเข้ารับตำแหน่ง
นอกจากเพิกเฉยต่อรายงานข่าวกรองเรื่องรัสเซียแล้ว ทรัมป์ยังมีแนวโน้มเสนอชื่อเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ เอ็กซอน โมบิล เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของเขา ทั้งนี้ ทิลเลอร์สันเป็นผู้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมอสโกมานานปี และแสดงท่าทีต่อต้านการแซงก์ชันรัสเซีย
แมคเคนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างทิลเลอร์สันกับปูติน เช่นเดียวกับวุฒิสมาชิกอีกหลายคน ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าการเสนอชื่อทิลเลอร์สันอาจถูกต่อต้านในสภาสูงที่จะต้องให้การรับรองการแต่งตั้งนี้
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กองทัพสหรัฐฯ ก็ไม่สบายใจนักจากที่ทรัมป์เสนอชื่อ ไมเคิล ฟินน์ นายพลโทเกษียณอายุ เข้าดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงของชาติ เนื่องจากฟินน์เคยไปปรากฏตัวทางสถานีทีวีอาร์ทีของรัฐบาลรัสเซีย โดยเฉพาะในงานรื่นเริงงานหนึ่งเมื่อปีที่แล้วที่ปูตินไปร่วมงานด้วย