เอเจนซีส์ - สงครามซีเรียถึงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ เมื่อฝ่ายกบฏซีเรียซึ่งสามารถใช้ซีกตะวันออกของเมืองอเลปโป เป็นที่มั่นอันแข็งแกร่งมานานปี ถูกกองทัพรัฐบาลถล่มหนัก และถูกรุกตัดขาดพื้นที่ยึดครองออกจากกันเป็น 2 ส่วน ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แล้วจากนั้นยังถูกตีชิงพื้นที่ส่วนเหนือไปทั้งหมดแล้วในวันจันทร์ (28 พ.ย.) ส่งผลให้ชาวบ้านมากมายทิ้งบ้านเรือน บ้างหนีไปยังเขตยึดครองของรัฐบาล หรือกองกำลังชาวเคิร์ด บ้างหนีลงใต้ไปยังพื้นที่กบฏที่เหลืออยู่ ทางด้านผู้เชี่ยวชาญเชื่อประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ต้องการยึดเมืองใหญ่ที่สุดของซีเรียแห่งนี้คืนให้ได้ภายในต้นปีหน้า เพื่อให้อเมริกาในยุคประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เลิกเข้าไปจุ้นจ้าน
ความพ่ายแพ้ของกลุ่มกบฏครั้งนี้ บ่งชี้ว่า พื้นที่ซีกตะวันออกของอเลปโปจะกลับคืนสู่เงื้อมมือของกองทัพประธานาธิบดี อัสซาด อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าจะเป็นเมื่อใดเท่านั้น
ขณะเดียวกัน การสูญเสียพื้นที่ซีกตะวันออกของอเลปโป จะถือเป็นความพ่ายแพ้สำคัญของกบฏซีเรียที่เข้ายึดบริเวณดังกล่าวไว้ตั้งแต่ปี 2012 หลังจากที่ดินแดนหลายผืนถูกชิงคืนกลับสู่การควบคุมของรัฐบาลไปก่อนแล้ว นับจากที่รัสเซียเข้าแทรกแซงเพื่อช่วยเหลืออัสซาดเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว
“ซีเรียน อ็อบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส” กลุ่มติดตามสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรียที่มีฐานอยู่ที่ลอนดอน และอาศัยสายข่าวในภาคสนาม ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวที่เป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย รายงานเมื่อวันจันทร์ (28) ว่า รัฐบาลสามารถเข้ายึดเขตซาคูร์, เฮย์ดาริยา และ ชัยค์ คอดร์ ของอเลปโปตะวันออก ขณะที่กลุ่มนักรบชาวเคิร์ดก็เข้ายึดย่านชีค ฟาเรส คืนจากกบฏ
ทั้งนี้ กองกำลังเคิร์ดในซีเรียไม่ได้เป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของรัฐบาลหรือกบฏ แต่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล มองว่า กองกำลังนี้เข้าร่วมกับรัฐบาลเพื่อชิงคืนอเลปโป
ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงว่า กองทัพซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากนักรบชีอะห์จากเลบานอน อิรัก อิหร่าน รวมทั้งการสนับสนุนทางอากาศจากรัสเซีย สามารถยึดย่านที่อยู่อาศัยได้ 10 แห่ง และอาคารกว่า 3,000 หลัง ในซีกตะวันออกของอเลปโป รวมทั้งมีสมาชิกกลุ่มกบฏกว่า 100 คนยอมวางอาวุธและออกจากพื้นที่ดังกล่าว
ความคืบหน้านี้เท่ากับว่า พื้นที่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของอเลปโปกลับสู่การควบคุมของรัฐบาล และยังผลักดันให้พลเรือนไหลทะลักออกจากพื้นที่ด้านตะวันออกมากขึ้น
อ็อบเซอร์วาทอรี เสริมว่า มีพลเรือนเกือบ 10,000 คน หนีออกจากพื้นที่ดังกล่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ (27) โดยราว 6,000 คน มุ่งหน้าสู่ย่านชัยค์ มักซูด ที่กลุ่มเคิร์ดยึดครองอยู่ และอีก 4,000 คน เดินทางไปยังฝั่งตะวันตกของเมืองที่เป็นของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีพลเรือนอีกส่วนหนึ่งมุ่งหน้าลงใต้ไปยังพื้นที่ยึดครองซึ่งยังเหลืออยู่ของกบฏ
ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพี รายงานว่า ชาวบ้านหลายสิบครอบครัวเดินทางไปถึงทางใต้ของเมืองในช่วงกลางคืน และเข้าพักในอาคารร้างที่มีอยู่มากมาย โดยชาวบ้านที่อาศัยอยู่เดิมได้บริจาคผ้าห่มและของใช้อื่นๆ ให้ผู้มาใหม่ที่เดินเท้ามาและมีสภาพอิดโรย หนาวเหน็บ และหิวโหย
สถานีทีวีของรัฐบาลแพร่ภาพครอบครัวมากมายเดินทางด้วยรถโค้ชสีเขียวที่ปกติแล้วใช้ลำเลียงพลเรือนและกลุ่มกบฏที่ยอมจำนนจากพื้นที่ที่รัฐบาลยึดคืนมาได้
พื้นที่ซึกตะวันออกของอเลปโปถูกรัฐบาลปิดล้อมมานานกว่า 4 เดือน ขณะที่สิ่งบรรเทาทุกข์จากนานาชาติหมดลงและอาหารที่ตุนไว้เหลือน้อยเต็มที
สหประชาชาติร้องขอให้หยุดยิงเพื่อลำเลียงความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ดังกล่าวมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้รับการรับประกันความปลอดภัย
การรุกคืบของรัฐบาลซีเรีย ยังเท่ากับว่า ขณะนี้กองทัพของอัสซาดเข้าควบคุมพื้นที่อย่างน้อย 1 ใน 3 ของอเลปโปฝั่งตะวันออกแล้ว หลังจากโหมปฏิบัติการชิงเมืองอีกครั้งมาได้ 2 สัปดาห์
ความสำเร็จของรัฐบาลในครั้งนี้มาจากการโจมตีทางอากาศอย่างหนัก ร่วมกับการโจมตีด้วยระเบิดถังน้ำมัน และปืนใหญ่ ที่ทำให้พลเรือนในอะเลปโปตะวันออกเสียชีวิตอย่างน้อย 225 คน ซึ่งรวมถึงเด็ก 27 คน
ขณะเดียวกัน กลุ่มกบฏยิงใส่ด้านตะวันตกของเมืองที่เป็นพื้นที่ยึดครองของรัฐบาลเช่นกัน ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 27 คน ในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย 11 คน นับจากวันที่ 15 เดือนนี้
หนังสือพิมพ์อัล-วาตัน ที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลซีเรีย รายงานว่า ขั้นตอนต่อไปของปฏิบัติการนี้คือ ตัดแบ่งพื้นที่ยึดครองที่ยังเป็นของกลุ่มกบฏเป็นหลายๆ ส่วน เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าชิงคืน อันจะทำให้กลุ่มกบฏยอมมอบตัว หรือยอมรับแผนการปรองดองแห่งชาติภายใต้เงื่อนไขของรัฐบาล
ฟาบริซ บาแลนชี ผู้เชี่ยวชาญด้านซีเรียจากสถาบันวอชิงตันเพื่อนโยบายตะวันออกใกล้ (Washington Institute for Near East Policy) ชี้ว่า หากยึดอเลปโปคืนได้จะถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เนื่องจากจะเท่ากับว่า รัฐบาลเข้าควบคุม 5 เมืองใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยนอกจากอเลปโปแล้วยังประกอบด้วยดามัสกัสที่เป็นเมืองหลวง, เมืองฮอม และ ฮามา ตอนกลางของประเทศ และลาตาเกียที่เป็นเมืองชายฝั่ง
มาติเยอ กิแดร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลาง สำทับว่า หากอัสซาดยึดอเลปโปคืนได้ภายในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจทำให้อเมริกาเลิกเข้าแทรกแซงการสู้รบในซีเรีย
บาแลนชี เห็นด้วยกับเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า หากอเลปโปแตก ทรัมป์ อาจเห็นว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะให้การสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียต่อ
นับจากความขัดแย้งในซีเรียเริ่มต้นขึ้นจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในเดือนมีนาคม 2011 มีประชาชนเสียชีวิตกว่า 30,000 คน และประชาชนกว่าครึ่งประเทศทิ้งถิ่นฐาน โดยในจำนวนนี้หลายล้านคนกลายเป็นผู้อพยพข้ามพรมแดนออกจากประเทศของตนเอง