เอเอฟพี - ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ลงนามข้อตกลงอันเป็นที่ถกเถียงที่จะแบ่งปันข่าวกรองด้านการป้องกันประเทศเกี่ยวกับเกาหลีเหนือในวันนี้ (23) ทั้งๆ ที่ถูกประท้วงจากพรรคฝ่ายค้านและนักเคลื่อนไหวในกรุงโซล
กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีความจำเป็นในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามทางทหารที่มากขึ้นเรื่อยๆ จากเปียงยาง ซึ่งทำการทดสอบนิวเคลียร์ 2 ครั้งและปล่อยขีปนาวุธมากกว่า 20 ครั้งในปีนี้
“พวกเขาพร้อมที่จะทำการทดสอบนิวเคลียร์อีกครั้งในเวลาใดก็ได้” กระทรวงฯ ระบุในถ้อยแถลง
“ในเมื่อตอนนี้เราสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพด้านข่าวกรองของญี่ปุ่นเพื่อจัดการกับภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ของเกาหลีเหนือ มันจะเสริมสร้างผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของเรา”
ปัจจุบันโซลและโตเกียวใช้วอชิงตันเป็นสื่อกลางในการแบ่งปันข่าวกรองทางทหารเกี่ยวกับเปียงยางภายใต้ข้อตกลงที่ลงนามเมื่อปี 2014
ข้อตกลงใหม่นี้เป็นที่ถกเถียงกันในแดนโสมขาว ซึ่งมรดกจากการปกครองคาบสมุทรเกาหลีของญี่ปุ่นช่วงปี 1940-1945 คือแนวความคิดต่อต้านญี่ปุ่นและความเชื่อที่ว่าโตเกียวไม่เคยชดใช้อย่างเหมาะสมกับการทารุณในยุคนั้น
เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเกือบลงนามข้อตกลงแบ่งปันข่าวกรองในเดือนมิถุนายน ปี 2012 แต่โซลเปลี่ยนท่าทีในนาทีสุดท้ายเนื่องจากถูกสาธารณชนต่อต้านอย่างหนัก
ด้านทรัพยากรด้านการลาดตระเวนและตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของโตเกียว กระทรวงฯระบุว่า ข้อตกลงจะเป็น “สิ่งช่วยเหลืออย่างมาก” ในการวิเคราะห์โครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเปียงยาง และรวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับขีปนาวุธยิงจากเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือ
เกาหลีเหนือกล่าวโจมตีข้อตกลงทางทหารดังกล่าวและเรียกมันว่าเป็น “การกระทำอันตราย” ที่จะทวีความตึงเครียดที่พุ่งสูงอยู่แล้วบนคาบสมุทรเกาหลีและเปิดโอกาสให้กับ “การรุกรานอีกครั้ง” ของญี่ปุ่น
ประเด็นโต้เถียงนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดี พัค กึนฮเย ของเกาหลีใต้กำลังเผชิญกับเสียงเรียกร้องมากขึ้นให้เธอลาออกจากข่าวฉาวการคอร์รัปชันและใช้อำนาจมืดที่จุดชนวนการประท้วงใหญ่บนท้องถนน
ข้อตกลงนี้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากพรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้และนักเคลื่อนไหว ซึ่งบ่งชี้ถึงความล้มเหลวของโซลในการแสวงหาแรงสนับสนุนจากสาธารณชนและความอ่อนไหวทางประวัติศาสตร์
แกนนำพรรคฝ่ายค้านของเกาหลีใต้เรียกข้อตกลงนี้ว่า “ไม่มีความรักชาติและน่าอัปยศอดสู” และขู่ว่าจะถอดถอนรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ฮาน มินคู หากข้อตกลงนี้ถูกผลักดันจนผ่าน