เอเจนซีส์ - CNN Money สื่อสหรัฐฯ รายงานล่าสุดว่า เมืองนิวยอร์ก ซิตี มีตัวเลขที่ต้องจ่ายให้กับการคุ้มกันว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และครอบครัวตกอย่างน้อย “วันละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์” และถึงแม้หลังจากการเข้ารับการสาบานตนของว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า วันที่ 20 ม.ค. 2017 และย้ายออกไปยังทำเนียบขาว แต่คาดว่า ตัวเลขค่าใช้จ่ายจะยังไม่ลดลงทันที เนื่องมาจากว่าที่สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ คนใหม่ เมลาเนีย ทรัมป์ และบุตรชาย บาร์รอน ทรัมป์ จะยังคงอาศัยอยู่ในทรัมป์ ทาวเวอร์ต่อไปจนกระทั่งจบปีการศึกษาของบุตรชาย สร้างเสียงฮือฮาไปทั่ว
CNN Money สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (21 พ.ย.) มีรายงานการเปิดเผยจากแหล่งข่าว 3 คนของเมืองนิวยอร์ก ซิตี ถึงค่าใช้จ่ายมหาศาลที่ทางเมืองต้องแบกรับไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ต่อวันในการให้การคุ้มกันด้านความปลอดภัยสูงสุดแก่ทรัมป์ ทาวเวอร์ที่พักของครอบครัวว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนถัดไปจากพรรครีพับลิกัน
และค่าใช้จ่ายมหาศาลนี้จะไม่ลดลงทันทีถึงแม้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 จะรับการเข้าสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า และย้ายเข้าไปอาศัยในทำเนียบขาวแล้ว เพราะว่าที่สุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ เมลาเนีย ทรัมป์ และบุตรชายวัย 10 ขวบของคนทั้งคู่ บาร์รอน ทรัมป์ จะยังคงอาศัยอยู่ในทรัมป์ ทาวเวอร์ต่อไป อย่างน้อยจนกว่าจะสิ้นปีการศึกษาของบารอน
CNN Money ชี้ว่า อีกทั้งทรัมป์ยังประกาศชัดเจนว่าเขาจำเป็นต้องเดินทางกลับไปยังทรัมป์ ทาวเวอร์เป็นระยะๆ ในช่วงการดำรงตำแหน่งเพราะทั้งภรรยาและลูกชายคนเล็กยังอาศัยอยู่ที่นั่น
และการที่ว่าที่สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ จะไม่ย้ายเข้าไปอาศัยพร้อมสามีหลังจากการเข้ารับการสาบานตนแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ผิดแปลกจากธรรมเนียมปฏิบัติ และเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว
แต่อย่างไรก็ตาม จากการรายงานของบีบีซี สื่ออังกฤษ เมื่อวานนี้ (21 พ.ย.) เจสัน มิลเลอร์ (Jason Miller) โฆษกทีมจัดการเปลี่ยนผ่านอำนาจการบริหารของทรัมป์ได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ยืนยันว่า “ทุกคนในครอบครัวของทรัมป์ต่างตื่นเต้นในภารกิจและตำแหน่งในการรับใช้สหรัฐฯ” และการตัดสินใจที่จะไม่ยอมให้มีการย้ายโรงเรียนเกิดขึ้นในช่วงกลางเทอมนั้นถือเป็นการลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทางโซเชียลมีเดียได้ทั้งหมด
โดยหนึ่งในชาวอเมริกันได้วิจาณ์ต่อการตัดสินใจของเมลาเนีย ทรัมป์ผ่านทางทวิตเตอร์ว่า “การที่สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ ต้องอาศัยอยู่ในทำเนียบขาวนั้นเป็นเสมือนสัญลักษณ์ต่อประเทศของเรา ต่อพวกเราชาวอเมริกัน และต่อโลก” พาเมลา เบนโบว์ (Pamela Benbow) กล่าว และวิจารณ์ต่อว่า “ดังนั้นการตัดสินใจครั้งนี้ของเมลาเนียนั้นแย่มาก”
ซึ่งบีบีซีชี้ว่า ในประวัติศาสตร์ของอเมริกา มีอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของอเมริกาเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นที่ไม่ยอมอาศัยอยู่ในทำเนียบขาว คนแรกคือ มาร์ธา วอชิงตัน(Martha Washington) เพราะในขณะนั้นยังไม่มีการก่อสร้างทำเนียบขาว และคนที่ 2 คือ แอนนา แฮร์ริสัน (Anna Harrison) เพราะสามีของเธอเสียชีวิตก่อนที่เธอจะได้ทำการย้ายเข้าไปอยู่
และสื่อสหรัฐฯ รายงานต่อถึงปัญหาค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของเมืองนิวยอร์ก ซิตีในการต้องคุ้มครองครอบครัมทรัมป์ว่า ในการเปิดเผยของจอห์น มิลเลอร์ (John Miller) ผู้ช่วยผู้บัญชาการ NYPD ของเมืองนิวยอร์ก ซิตี ด้านข่าวกรองและการต่อต้านก่อการร้ายในวันจันทร์ (21 พ.ย.) ต่อ WCBS พบว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นยังรวมไปถึงการต้องส่งตำรวจเมืองนิวยอร์กให้การคุ้มครองต่อบุตร 3 คนของโดนัลด์ ทรัมป์ที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ และรวมไปถึงหลานของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการอารักขาจากตำรวจลับสหรัฐฯ อยู่ในขณะนี้
โดยคนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์และอาศัยอยู่ในเมืองนิวยอร์ก ซิตี ล้วนได้รับการคุ้มกันจากหน่วยงานตำรวจลับสหรัฐฯ ทั้งสิ้นในเวลานี้
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยและความมั่นคง ที่พวกเราต้องให้กับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครอบครัวของเขา และทีมงานของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ” นายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์ก ซิตี บิล เด บลาซิโอ แถลงในวันศุกร์ (18 พ.ย.) แต่กระนั้นในแถลงการณ์ของเด บลาซิโอยังย้ำว่า แต่ทางเมืองนิวยอร์ก ซิตีจำเป็นต้องช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเหล่านั้น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนล่วงเวลาของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และในแถลงการณ์ของนายกเทศมนตรีนิวยอร์กจากพรรคเดโมแครตยังกล่าวต่อว่า “เพราะมีงานจำนวนมากที่ต้องรับผิดชอบ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากตามมา” โดยเด บลาซิโอระบุว่า “ทางเมืองนิวยอร์ก ซิตีจะเริ่มต้นเจรจาถึงเรื่องนี้กับหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หลังจากนี้ ถึงการชำระคืนต่อเมืองสำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนของตำรวจนิวยอร์ก NYPD และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้น”
ซึ่งสื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า สำหรับความปลอดภัยของว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ และครอบครัวนั้นถือเป็นงานหลักของหน่วยงานตำรวจลับสหรัฐฯ ในขณะที่ตำรวจนิวยอร์ก NYPD ทำหน้าที่เป็นกำลังเสริม โดยเฉพาะในการควบคุมการเคลื่อนที่ของฝูงชน
และในแถลงการณ์ของเด บลาซิโอยังแสดงความหนักใจต่อภารกิจที่ต้องตามอารักขาโดนัลด์ ทรัมป์ที่ได้ประกาศว่าเขาจะเดินทางมาอาศัยอยู่ในทรัมป์ ทาวเวอร์อย่างสม่ำเสมอ
“ทางเมืองนิวยอร์ก ซิตียังไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ที่โพตุส (POTUS : ประธานาธิบดีสหรัฐฯ) จะเดินทางมายังที่เมืองแห่งนี้บ่อยครั้ง” นายกเทศมนตรีนิวยอร์กชี้ และกล่าวต่อว่า “และในขณะนี้ทางเมืองยังไม่ได้รับทราบถึงรายละเอียดของแผนการเดินทางในอนาคตของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ทางเราทราบว่าในระยะเวลา 65 วันก่อนการเข้ารับการสาบานตนนั้น ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ในเมืองนี้ ซึ่งถือเป็นความท้าทายของทางตำรวจนิวยอร์ก NYPD และต่อเมืองนิวยอร์ก ซิตี อย่างที่ผมไม่ต้องสงสัยเลยในเรื่องนี้”
CNN Money รายงานเพิ่มเติมว่า และในแถลงการณ์ เด บลาซิโอ ยังได้เปิดเผยถึงจำนวนตัวเลขที่ทางเมืองนิวยอร์ก ซิตีที่เคยได้รับการชำระคืนภายหลังจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในการให้ความคุ้มกันผู้นำระดับประเทศของรัฐบาลต่างชาติเมื่อยามมาเยือนหรือมาร่วมการประชุมที่ถูกจัดขึ้นในเมืองแห่งนี้
โดยพบว่า จากข้อมูลทางสถิติของเมืองพบว่า ในช่วง 12 เดือนล่าสุดที่สิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน เมืองนิวยอร์ก ซิตี ได้รับการชำระเงินคืนจากหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ราว 26 ล้านดอลลาร์ หรือราว 500,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ แต่ทว่าทางเด บลาซิโอชี้ว่าตัวเลขเหล่านี้เทียบไม่ได้กับภารกิจที่ต้องให้การอารักขาโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถือเป็นภารกิจต่อเนื่องที่เชื่อว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น โดยนายกเทศมนตรีนิวยอร์กระบุว่า “นี่ทำให้ภารกิจในอดีตที่ทางเมืองเคยต้องรับผิดชอบมาดูเล็กลงไปในทันที และทำให้ทางเราต้องคิดว่าควรจะมีการเริ่มต้นจัดอัตราค่าตอบแทนใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจ”
สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ตึกทรัมป์ ทาวเวอร์ที่ตั้งอยู่ระหว่างถนนหมายเลข 56 และถนนหมายเลข 5 ใจกลางเมืองนิวยอร์ก ซิตี ถูกกั้นด้วยแผงกั้นที่จัดไว้โดยทางตำรวจนิวยอร์ก และพบว่าในเวลาใดก็ตามที่ทรัมป์เดินทางไปยังที่ต่างๆ ของเมือง ทำให้ทางตำรวจนิวยอร์กต้องทำการปิดกั้นจราจรเกิดขึ้น เป็นต้นว่า อุโมงค์ลินคอล์นได้ถูกปิดลงชั่วคราวช่วงเวลาเร่งรีบของบ่ายวันศุกร์ (18 พ.ย.) สำหรับให้ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางไปยังรัฐนิวเจอร์ซีย์ที่มีพรมแดนติดกัน