‘หน่วยรบพิเศษอิรัก’ รุกคืบไล่ ‘ไอเอส’ ย่านตะวันออกเมืองโมซุล เจอตอบโต้ด้วย ‘สไนเปอร์’ และ ‘คาร์บอมบ์’

เอพี/เอเจนซีส์ - ผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังอาวุธรัฐบาลอิรัก แถลงในวันอาทิตย์ (20 พ.ย.) ว่า กองทหารของฝ่ายรัฐบาลยังคงรุกคืบหน้าไปเรื่อยๆ เพื่อเจาะเข้าสู่พื้นที่ใจกลางของเมืองโมซุล โดยสามารถผลักดันนักรบกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ให้ล่าถอย ทว่า การบุกก็เชื่องช้าลง เนื่องจากมีพวกสไนเปอร์ และมือระเบิดฆ่าตัวตายคอยขัดขวาง ตลอดจนความวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพลเมืองในนครใหญ่ซึ่งยังคงเป็นที่พักอาศัยของประชาชนราว 1 ล้านคน

ขณะเดียวกัน มีพลเรือนสองสามร้อยคน หนีออกมาจากย่านที่อยู่อาศัยตรงแนวหน้า ซึ่งอยู่ในสภาพปรักหักพังยับเยิน เพื่อหาสถานที่ปลอดภัยมากขึ้น ในจำนวนนี้มีทั้งผู้หญิงและเด็ก บางคนก็ถือถุงหรือกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ บรรจุข้าวของต่างๆ

พล.ต.ซามี อัล-อาริดี บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ ว่า กองทหารของเขาที่เป็นหน่วยรบพิเศษสังกัดกระทรวงมหาดไทยอิรัก กำลังตรวจบ้านเรือนในพื้นที่ซึ่งยึดคืนมาจากพวกไอเอส เพื่อค้นพวกนักรบหัวรุนแรง และยานพาหนะที่ถูกนำมาใช้ในการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย โดยที่กองกำลังรัฐบาลในพื้นที่เหล่านี้ยังคงถูกโจมตีด้วยปืนครกและการซุ่มยิงของนักแม่นปืนสไนเปอร์อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ผู้บังคับบัญชากองทหารของรัฐบาลอิรักอีกคนหนึ่ง คือ พล.จ.ไฮเดอร์ ฟาเดล กล่าวว่า มีมือระเบิดฆ่าตัวตายใช้คาร์บอมบ์รายหนึ่ง แอบซุ่มอยู่ในบ้านหลังหนึ่งและพยายามขับพาหนะของเขาแล่นออกมายังกองทหารในย่านตอห์รีร์ ของโมซุล เมื่อคืนวันเสาร์ (19) แต่ถูกยิงตายเสียก่อนและรถคันนั้นที่บรรจุวัตถุระเบิดจำนวนมากก็ถูกจุดระเบิดขึ้นในระยะห่างที่ทหารไม่มีใครเป็นอะไร

อย่างไรก็ดี ฟาเดล ระบุว่า จุดที่รถระเบิดนั้นอยู่ใกล้บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งพังทลายลงมา ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตไป 4 คน บาดเจ็บอีก 4 คน


กองกำลังอาวุธฝ่ายรัฐบาลที่กำลังสู้รบอยู่ทางด้านตะวันออกของโมซุลเหล่านี้ เมื่อวันอาทิตย์ (20) ได้เข้าปิดล้อมย่านอัล-โซฮูร์ ซึ่งอยู่ห่างจากเขตใจกลางเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร การที่มีทหารเข้าไปถึงชายขอบย่านที่อยู่ของพวกเขา ทำให้มีพลเรือนหลายร้อยคนรีบออกมาจากบ้านเรือนพร้อมโบกธงขาว และเดินมายังพื้นที่ปลอดภัยด้านหลังแนวของทหาร

“อุปสรรคใหญ่ที่สุดสำหรับเรา ก็คือ พลเรือนเหล่านี้ซึ่งพอปรากฏตัวก็ทำให้เราต้องบุกช้าลงไป” อัล-อาริดี กล่าวพร้อมกับบ่นว่า “พวกเราเป็นทหาร เราไม่ได้รับการฝึกให้ทำงานมนุษยธรรม”

กองกำลังอาวุธฝ่ายต่างๆ ของอิรัก เริ่มต้นประกาศเปิดยุทธการใหญ่เมื่อ 1 เดือนมาแล้ว เพื่อตีคืนเมืองโมซุล เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรัก อีกทั้งยังเป็นศูนย์ชุมชนเมืองขนาดใหญ่แห่งสุดท้ายในอิรักที่ยังคงตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกไอเอส ปรากฏว่า การบุกคราวนี้ดำเนินไปได้อย่างเชื่องช้า โดยพวกไอเอสพยายามต้านทานอย่างดุเดือด ดอกผลส่วนใหญ่ที่สุดเท่าที่ได้รับอยู่ในเวลานี้เป็นผลงานของกองกำลังหน่วยรบพิเศษสังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ของโมซุลซึ่งอยู่ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำไทกริส การรุกโจมตีนี้ยังได้รับความช่วยเหลือด้วยการถล่มทางอากาศจากกองทหารพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ

ไอเอสเข้ายึดโมซุล ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงแบกแดดไปทางเหนือ 360 กิโลเมตร เมื่อกลางปี 2014 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการรุกใหญ่แบบสายฟ้าแลบ ซึ่งทำให้พื้นที่เกือบหนึ่งในสามของอิรักตกอยู่ในความควบคุมของนักรบหัวรุนแรงกลุ่มนี้ ก่อนหน้านี้ ใน 1 ปีที่ผ่านมา กองทหารอิรัก, ตำรวจส่วนกลาง, ตลอดจนกองกำลังอาวุธฝ่ายชีอะห์ที่เป็นพันธมิตรของรัฐบาล และกองกำลังอาวุธท้องถิ่นชาวสุหนี่ สามารถผลักดันพวกไอเอสให้ถอยออกไปจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดอันบาร์ ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของกรุงแบกแดด ตลอดจนพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ด้านเหนือและด้านตะวันออกของนครหลวงอิรักได้แล้ว

นอกจากพื้นที่ส่วนตะวันออกของโมซุลแล้ว มีรายงานว่า กองทหารในสังกัดกองทัพอิรักได้เดินทางไปถึงแถบชานเมืองตัลอะฟาร์ ทางด้านตะวันตกของโมซุลแล้ว เพื่อเสริมกำลังให้กองกำลังอาวุธท้องถิ่นชาวชีอะต์ที่ได้รับความสนับสนุนจากรัฐ กองกำลังชีอะห์เหล่านี้ได้ยึดสนามบินของเมืองตัลอะฟาร์เอาไว้ได้ก่อนหน้านี้ และกำลังเตรียมตัวรุกชิงเมืองนี้กลับคืน เจ้าหน้าที่อาวุโส 2 รายของกองกำลังเหล่านี้เผย

ก่อนหน้าที่จะถูกไอเอสยึดครอง ชาวชีอะห์เป็นประชากรส่วนข้างมากของเมืองตัลอะฟาร์ ซึ่งประมาณกันว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ทั้งหมดราว 200,000 คน

ในเวลาเดียวกัน ฮิวแมน ไรต์ วอตช์ กลุ่มสิทธิมนุษยชนซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ก ได้กล่าวอ้างในรายงานฉบับหนึ่งที่นำออกเผยแพร่วันอาทิตย์ (20) ว่า กองกำลังอาวุธท้องถิ่นชาวสุหนี่ซึ่งกำลังสู้รบเคียงข้างกองทหารอิรัก ได้กักขังและซ้อมชาย 22 คน จากหมู่บ้านต่างๆ ใกล้ๆ เมืองโมซุล รวมทั้งยังเกณฑ์เอาเด็ก 10 คน จากค่ายผู้พลัดถิ่นหนีภัยสงครามซึ่งอยู่ในพื้นที่แถบนั้น เข้ามาร่วมทำการสู้รบกับพวกไอเอส