เอเอฟพี - กลุ่มพันธมิตรอาหรับ นำโดยซาอุดีอาระเบีย ได้เริ่มบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงในเยเมน เป็นเวลา 48 ชั่วโมง วันนี้ (19 พ.ย.) หลังจากรัฐบาลเยเมนยอมรับแผนสันติภาพที่สหรัฐฯ ได้เสนอขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเยเมนได้ปฏิเสธข้อตกลงหยุดยิง ซึ่ง จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศหลังการเจรจากับฝ่ายกบฏฮูตี ที่เมืองหลวงของโอมาน เมื่อต้นสัปดาห์นี้ เนื่องจากเห็นว่าแผนสันติภาพที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ร่างขึ้นนั้นบั่นทอนอำนาจของตน
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี อับดุรรับบูห์ มันซูร์ ฮาดี ซึ่งลี้ภัยอยู่ในซาอุฯ ก็จำเป็นต้องผ่อนท่าทีลง หลังจากที่นานาชาติต่างออกมาแสดงความเป็นห่วงตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในสงครามที่ยื้ดเยื้อมานานถึง 20 เดือน
“หลายชาติเห็นสมควรที่จะต้องมีการหยุดยิง และเริ่มต้นเจรจาสันติภาพอีกครั้ง” แหล่งข่าวใกล้ชิดประธานาธิบดีเยเมนให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวครั้งนี้ไม่ได้มาจากรัฐบาลเยเมน ทว่า ถูกประกาศโดยกลุ่มพันธมิตรซาอุฯ ซึ่งเข้าแทรกแซงทางทหารตั้งแต่เดือน มี.ค. ปีที่แล้ว เพื่อค้ำจุนรัฐบาล ฮาดี เอาไว้
“การหยุดยิงเป็นเวลา 48 ชั่วโมง จะเริ่มตั้งแต่ 12.00 น. ของวันเสาร์ (19) ตามเวลาท้องถิ่นเยเมน” คำแถลงจากกลุ่มพันธมิตรอาหรับซึ่งเผยแพร่ทางสำนักงานสื่อมวลชนซาอุดีอาระเบีย ระบุ พร้อมเสริมว่า อาจจะมีการขยายเวลาออกไป หากกบฏฮูตีเคารพข้อตกลง และยอมเปิดทางให้มีการส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปยังพื้นที่ที่ถูกปิดล้อม
พลจัตวา ชาราฟ ลุกมาน โฆษกองกำลังพันธมิตรของกบฏฮูตี ยืนยันว่า พวกเขาจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง
พันธมิตรซาอุฯ ได้ทำการปิดน่านฟ้าและอ่าวในเมืองที่กบฏฮูตียึดครองอยู่ ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะยังคงบังคับใช้ต่อไปในช่วงเวลาหยุดยิง
ความพยายามยุติการนองเลือดในเยเมนล้มเหลวมาแล้วถึง 6 ครั้ง ล่าสุดคือ เมื่อเดือน ต.ค.
รัฐบาลพลัดถิ่น ฮาดี ยังคงลังเลที่จะยอมรับข้อเสนอของยูเอ็น ซึ่งแนะให้มีการจัดตั้งรัฐบาลปรองดองร่วมกับฝ่ายกบฏฮูตี เพราะนั่นเท่ากับลดทอนความชอบธรรมของตนเองลง
แม้จะได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธจากพันธมิตรอาหรับ แต่รัฐบาล ฮาดี ก็ยังถูกจำกัดอยู่เฉพาะพื้นที่ตอนใต้ซึ่งติดกับซาอุดีอาระเบียเท่านั้น ในขณะที่กรุงซานา ชายฝั่งทะเลแดง และที่ราบสูงทางตอนเหนือและกลางของประเทศ ยังตกอยู่ใต้อิทธิพลของกบฏฮูตี และกองกำลังพันธมิตร
ความขัดแย้งในเยเมนปะทุขึ้นตั้งแต่กบฏฮูตี ซึ่งเชื่อกันว่า มีอิหร่านหนุนหลังอยู่ได้ยาตราทัพเข้ายึดกรุงซานาเมื่อเดือน ก.ย. ปี 2014 และรุกคืบครอบครองพื้นที่กว้างขวางทั่วประเทศ จนประธานาธิบดี ฮาดี ต้องหนีออกนอกประเทศ
สถิติจากยูเอ็น ระบุว่า นับตั้งแต่พันธมิตรซาอุฯ เข้าแทรกแซงสงครามเยเมนเมื่อเดือน มี.ค. ปี 2015 ก็มีผู้ถูกสังหารไปแล้วไม่ต่ำกว่า 7,000 คน บาดเจ็บอีกเกือบ 37,000 คน ชาวเยเมนจำนวนมากต้องละทิ้งบ้านเรือนเพื่อเอาชีวิตรอดจากสงคราม และหลายล้านคนกำลังต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน
