เอเอฟพี - ร่างไร้วิญญาณของอดีตผู้นำเผด็จการฟิลิปปินส์ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ถูกนำไปประกอบพิธีฝังอย่างเงียบๆ ที่สุสานวีรชนของชาติในวันนี้ (18 พ.ย.) จุดกระแสต่อต้านอย่างหนักจากผู้ที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งเชื่อว่านี่คือความพยายาม “ฟอกขาว” ให้แก่ระบอบกดขี่ของ มาร์กอส และยังเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีของการปฏิวัติ “พลังประชาชน” ที่โค่นล้มเขาลงได้ในปี 1986
การฝังศพในสุสานวีรชนเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่าครอบครัวมาร์กอสเริ่มที่จะกลับมามีอิทธิพลอีกครั้งหนึ่ง เห็นได้ชัดจากการคนในตระกูลนี้มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต
สัปดาห์ที่แล้ว ศาลสูงสุดฟิลิปปินส์ได้พิพากษารับรองคำสั่งของ ดูเตอร์เต ซึ่งอนุญาตให้ร่างของ มาร์กอส ถูกนำไปฝังรวมไว้กับบรรดาวีรชนของชาติ โดยปฏิเสธข้อร้องเรียนที่ว่าผู้นำเผด็จการรายนี้ก่ออาชญากรรมไว้มากมายจนไม่คู่ควรต่อการได้รับเกียรติ
ทันทีที่ได้รับไฟเขียวจากศาลสูงสุด ครอบครัวมาร์กอสและรัฐบาลฟิลิปปินส์ก็รีบดำเนินการส่งศพดองของ มาร์กอส ขึ้นเครื่องบินมายังสุสานวีรชน และประกอบพิธีฝังอย่างเงียบเชียบ ทั้งที่ศาลยังอยู่ระหว่างพิจารณาคำอุทธรณ์ของฝ่ายคัดค้าน
“ครอบครัวมาร์กอสจงใจปกปิดไม่ให้ประชาชนรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการฝังศพอดีตประธานาธิบดีมาร์กอสในวันนี้ ไม่ต่างอะไรจากพวกโจรที่ออกปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืน” เลนี โรเบรโด รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนและไม่ได้สังกัดพรรคของดูเตอร์เต ให้สัมภาษณ์
“พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับครอบครัวมาร์กอส พวกเขาเคยซุกซ่อนทรัพย์สิน ปิดบังการละเมิดสิทธิมนุษยชน และวันนี้ก็แอบนำศพเข้าไปฝังในสุสานวีรชนโดยไม่แคร์กฎหมายเลย”
อิเมลดา มาร์กอส ภริยาหม้ายวัย 87 ปีของอดีตผู้นำเผด็จการ ซึ่งเคยใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยตลอด 20 ปีที่สามีของเธอกุมอำนาจในฟิลิปปินส์ ก็ได้เดินทางมาร่วมพิธีฝังศพพร้อมกับลูกๆ หลานๆ และได้โพสต์คลิปวีดีโอลงในเพจเฟซบุ๊กของครอบครัว
บรรยากาศในพิธีฝังศพมาร์กอสเป็นไปอย่างสมเกียรติ โดยมีทหารในเครื่องแบบเต็มยศถือปืนไรเฟิลยืนตั้งแถวอยู่ภายในงาน และมีการยิงสลุต 21 นัด
ทหารและตำรวจปราบจลาจลราว 2,000 นายได้สนธิกำลังปิดกั้นประตูทางเข้าสุสานวีรชน ขณะที่นักข่าวและผู้ประท้วงต่างรีบรุดไปที่นั่น หลังได้รับทราบข้อมูลจากตำรวจก่อนพิธีจะเริ่มแค่ไม่กี่นาที
“ผมโกรธและผิดหวังมาก มันน่ารังเกียจที่สุด มาร์กอสไม่ใช่วีรบุรุษของชาติ” อันโตนิโอ นาวาร์โร นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่ด้านนอกสุสานวีรชน
การปฏิวัติพลังประชาชนที่โค่นอำนาจ มาร์กอส ลงเมื่อปี 1986 นับเป็นการเคลื่อนไหวของมวลชนอย่างสันติ และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยทั้งในเอเชียและทั่วโลก
ทางการฟิลิปปินส์ประเมินว่า มาร์กอส และพรรคพวกได้ยักยอกทรัพย์สินของรัฐไปกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ระหว่างที่ครองอำนาจ
คณะกรรมาธิการว่าด้วยธรรมาภิบาลแห่งทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ (Presidential Commission on Good Government - PCGG) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นเพื่อยึดคืนทรัพย์สินที่ มาร์กอส และพวกปล้นไปจากแผ่นดิน ยังติดตามทรัพย์สินเหล่านี้กลับคืนมาได้ไม่ถึงครึ่ง
รัฐบาลฟิลิปปินส์ชุดก่อนๆ ระบุว่า มาร์กอส ได้กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางเพื่อรักษาฐานอำนาจและความร่ำรวยของตนไว้ โดยมีชาวฟิลิปปินส์หลายพันคนที่ถูกสังหารและทรมานภายใต้ระบอบเผด็จการของเขา
เมื่อปี 2004 องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ได้ประกาศให้ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ครองอันดับ 2 “ผู้นำขี้ฉ้อตลอดกาลของโลก” รองจากอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โตของอินโดนีเซีย