เอพี/เอเจนซีส์ - สำนักงานอัยการเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์วันนี้ (6 พ.ย.) ถึงการอนุมัติหมายจับกุม จอง โฮซอง (Jung Ho-sung) และ อาห์น จอง-เบียม (Ahn Jong-beom) อดีตผู้ช่วยประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย 2 คนที่ตกเป็นข่าวฉาวคดีเพื่อนหญิงคนสนิท อดีตลูกเจ้าของลัทธิ “โบสถ์แห่งชีวิตหลังความตาย” ที่ได้รับการอนุมัติจากศาลแขวงกลางกรุงโซล และนำมาสู่การประท้วงทั่วประเทศในเวลานี้
เอพีรายงานวันนี้ (6 พ.ย.) ว่า ในแถลงการณ์ของสำนักงานอัยการเกาหลีใต้ที่ออกมาในวันอาทิตย์ (6 พ.ย.) ประกาศถึงการจับกุมตัวของอดีตผู้ช่วยของประธานาธิบดีเกาหลีใต้จำนวน 2 คน ซึ่งเป็นหัวใจของคดีสอบสวนอื้อฉาวทั่วทั้งเกาหลีในเวลานี้
โดยศาลแขวงกลางกรุงโซลได้อนุมัติคำขอของสำนักงานอัยการเกาหลีใต้ เพื่อขอจับกุมตัว อาห์น จอง-เบียม (Ahn Jong-beom) อดีตเลขาธิการอาวุโสด้านการประสานนโยบายของ พัค กึน-ฮเย ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า ใช้อิทธิพลกดดันให้บรรดาบริษัทในเกาหลีใต้ทำการบริจาคเงินก้อนโตเข้ามูลนิธิไม่แสวงหาผลกำไรที่อยู่ภายใต้การบริหารของ “ชอย ซุน-ซิล” เพื่อนสนิทประธานาธิบดีเกาหลีใต้ โฆษกศาลเกาหลีใต้ ชิน แจ- ฮวาน (Shin Jae-hwan) แถลง
เอพีรายงานต่อว่า นอกจากนี้ ศาลเกาหลีใต้ยังอนุมัติการออกหมายจับ จอง โฮซอง (Jung Ho-sung) อดีตผู้ช่วยประธานาธิบดีเกาหลีใต้อีกคน ที่ถูกต้องสงสัยว่าว่าได้แอบลอบส่งเอกสารความลับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ไปให้กับ ชอย ซุนซิล (Choi Soon-sil) ที่มีความใกล้ชิดกับประธานาธิบดี พัค และทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวนี้ขึ้น
นอกจากนี้ ในวันนี้ (6 พ.ย.) อัยการเกาหลีใต้ยังได้เรียกตัววู บยุง-วู (Woo Byung-woo) อดีตเลขาธิการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ระดับอาวุโสด้านกิจการพลเรือน เพื่อการสอบปากคำ โดยชายผู้นี้ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าไม่สามารถหยุดชอย เพื่อนสนิทของผู้นำหญิงแห่งเกาหลีใต้ไม่ให้เข้ามาข้องเกี่ยวในกิจการแผ่นดินได้ และนอกจากนี้ วูเองยังต้องถูกสอบสวนในคดีคอร์รัปชันอื้อฉาวอีกคดีที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขา
เอพีรายงานว่า พัคได้ออกแถลงการณ์ขออภัยหลายครั้งต่อเรื่องฉาวที่ได้เกิดขึ้น จนลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ หลังพบว่าเธอแอบอนุญาตให้ ชอย ซุน-ซิล (Choi Soon-sil) วัย 60 ปี เพื่อนสนิทหญิงและยังเป็นบุตรสาวของ ชอย แต-มิน ผู้นำลัทธิที่ชื่อว่า “โบสถ์แห่งชีวิตหลังความตาย” (Church of the Afterlife) ซึ่งมีความสนิทสนมกับอดีตประธานาธิบดี พัค จุง-ฮี บิดาของพัค ที่ถูกลอบสังหารในปี 1979 เป็นผู้มีอำนาจอยู่เบื้องหลังรัฐบาลเกาหลีใต้ของเธอ
ซึ่งพัคได้ยอมรับกับสาธารณะ ว่า เธออนุญาตให้เพื่อนคนนี้ที่คบมาอย่างยาวนานถึง 40 ปี แต่ไม่มีตำแหน่งและอำนาจในการเข้าสู่ความลับแผ่นดินสามารถจัดการแถลงการณ์ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ของเธอได้ โดยอัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์รายงานว่า ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ชอยถูกทางการเกาหลีใต้จับกุมหลังจากที่เธอเดินทางกลับมาจากเยอรมัน โดยชอยต้องเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหาคดีฉ้อโกง และคดีเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจการแผ่นดิน และข้อหาอื่นๆ
แต่อย่างไรก็ตาม เอพีชี้ว่า ดูเหมือนแถลงการณ์คำขอโทษที่ออกมาจากปากพัคจะไม่ช่วยทำให้ความโกรธของสาธารณชนนั้นเบาบางลงไปได้ หลังจากที่พบว่าประชาชนชาวเกาหลีใต้ทั่วประเทศได้รวมตัวในวันเสาร์ (5 พ.ย.) เพื่อขับไล่ประธานาธิบดีหญิงเกาหลีใต้
ทั้งนี้ พัคมีเวลาอยู่ในตำแหน่งอีก 15 เดือน จนกว่าจะสิ้นสุดสมัยการดำรงตำแหน่ง แต่หากว่าเธอเลือกที่จะลาออก เกาหลีใต้จะต้องจัดการเลือกตั้งหาผู้นำคนใหม่ภายใน 60 วัน ซึ่งที่ผ่านมา พัคได้แก้สถานการณ์เกมทางการเมืองด้วยการไล่ผู้ช่วยออกจากตำแหน่ง 8 คน และได้เสนอแต่งตั้งคนใหม่เข้าสู่คณะ ครม. ของเธอจำนวน 3 คน ซึ่งรวมไปถึงนายกรัฐมนตรี แต่ทว่าพรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้ได้ออกมาประณามการปลดออกครั้งนี้ ว่า เป็นแท็กติกเพื่อใช้ถ่วงเวลาเท่านั้น
ซึ่งโพลที่ออกมาในวันศุกร์ (4 พ.ย.) ระบุว่า ผู้นำหญิงเกาหลีใต้มีคะแนนความนิยม 5% ต่ำสุดนับตั้งแต่เกาหลีใต้ได้รับเอกราชมาตั้งแต่ในปลายยุคปี 80
เอพีรายงานต่อว่า บรรดาพรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้ต่างพากันออกมาขู่พัคที่จะทำให้เธอออกจากตำแหน่งหากพัคยังคงไม่ทำตัวถอยห่างจากกิจการในประเทศ และโอนความรับผิดชอบที่มีไปให้กับนายกรัฐมนตรีที่จะถูกเลือกมาจากรัฐสภาเกาหลีใต้เป็นผู้ทำหน้าที่แทน
นอกจากนี้ พรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้ยังได้ออกมาเรียกร้องให้มีการสอบสวนพิเศษในเรื่องคดีฉาวนี้ โดยประกาศต้องการให้อัยการพิเศษเกาหลีใต้เป็นผู้รับผิดชอบคดี