เอเอฟพี - อัยการเกาหลีใต้มีคำสั่งฉุกเฉินให้กักตัวเพื่อนหญิงคนสนิทของประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย ซึ่งตกเป็นข่าวอื้อฉาวเรื่องการทุจริตและใช้อิทธิพลแทรกแซงการเมือง หลังพบว่าสภาพจิตใจของเธออยู่ในภาวะ “สับสน” และมีความเสี่ยงที่จะหลบหนีออกนอกประเทศ
ชอย ซุน-ซิล ซึ่งเดินทางกลับจากเยอรมนีถึงเกาหลีใต้เมื่อวันอาทิตย์ (30 ต.ค.) ถูกอัยการสอบสวนเป็นเวลานานหลายชั่วโมงเมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) ท่ามกลางกระแสข่าวเรื่องที่เธอใช้ความใกล้ชิดกับประธานาธิบดีรีดไถเงินจากกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ และยังใช้อิทธิพลก้าวก่ายการบริหารประเทศ ทั้งที่ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง
“มีความเป็นไปได้ที่ ชอย จะทำลายหลักฐาน เนื่องจากเธอยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา” เจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวยอนฮัป หลังมีคำสั่งกักตัว ชอย เป็นเวลา 48 ชั่วโมง
“เธอเคยหลบหนีไปต่างประเทศมาแล้ว และไม่มีที่อยู่ถาวรในเกาหลีใต้ จึงมีความเสี่ยงที่เธอจะบินหนีไปต่างประเทศอีก”
“นอกจากนี้ สภาพจิตใจของเธอยังอยู่ในภาวะสับสน จึงอาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นหากเราปล่อยเธอออกไป”
ชอย ซึ่งสวมชุดดำหัวจรดเท้าต้องเสียทั้งหมวก แว่นตา และรองเท้ายี่ห้อ “ปราดา” ข้างหนึ่ง ขณะเดินแหวกกองทัพนักข่าวกว่าร้อยคนเข้าไปยังสำนักงานอัยการแขวงกรุงโซลเมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) ส่วนบริเวณโดยรอบก็มีผู้ประท้วงจำนวนมากชูป้ายข้อความกดดันให้ตำรวจจับกุมเธอ
“กรุณายกโทษให้ดิฉันด้วย ดิฉันได้ทำบาปร้ายแรงเหลือเกิน” ชอย ให้สัมภาษณ์หลังจากเข้าไปในอาคารแล้ว
เช้าวันนี้ (1 พ.ย.) ชอย ซึ่งอยู่ในชุดนักโทษได้ถูกส่งตัวกลับไปยังสำนักงานอัยการอีกครั้งเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม โดยสำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า การสอบปากคำอาจต้องใช้เวลานานหลายวัน
ทั้งนี้ อัยการเกาหลีใต้ต้องตัดสินใจว่าจะออกหมายจับ ชอย อย่างเป็นทางการหรือไม่ ก่อนที่คำสั่งกักตัวฉุกเฉินจะหมดอายุลง
พัค และ ชอย เป็นเพื่อนสนิทกันมานานถึง 40 ปี และความสัมพันธ์ใกล้ชิดของทั้งคู่ก็เป็นที่มาของพฤติกรรมทุจริตอื้อฉาวที่เป็นข่าวคึกโครมอยู่ในเกาหลีใต้เวลานี้ โดยมีเสียงร่ำลือไปถึงเรื่องลัทธิความเชื่อ และพิธีกรรมไสยศาสตร์
กระแสข่าวที่ว่า ชอย เป็นผู้ตรวจทานสุนทรพจน์ของประธานาธิบดี และยังสามารถเข้าถึงเอกสารชั้นความลับทั้งที่ไม่มีตำแหน่งในรัฐบาล ทำให้ พัค ซึ่งเป็นผู้นำหญิงคนแรกของเกาหลีใต้ถูกสังคมตำหนิอย่างรุนแรง และยังส่งผลให้คะแนนนิยมของเธอร่วงดิ่งเหวในช่วงปีสุดท้ายของการบริหารประเทศ
ล่าสุดวันนี้ (1) ได้มีชายวัย 45 ปีคนหนึ่งพยายามขับรถขุดดินพุ่งชนอาคารของสำนักงานอัยการเกาหลีใต้ โดยเขาให้การกับตำรวจว่า “อยากช่วย ชอย ให้ตายไวๆ หลังจากที่เธอยอมรับว่าทำบาปมหันต์”
ชอย ยังถูกกล่าวหาว่าใช้ความสนิทชิดเชื้อกับประธานาธิบดีข่มขู่บริษัทใหญ่ๆ ให้บริจาคเงินเข้ามูลนิธิไม่แสวงผลกำไร 2 แห่ง จากนั้นก็ยักยอกเงินออกมาใช้ส่วนตัว
ประธานาธิบดี พัค ได้แถลงข่าวขออภัยต่อประชาชนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และยอมรับว่าที่ผ่านมาได้ขอคำแนะนำ “นิดหน่อย” จาก ชอย เวลาร่างสุนทรพจน์
อย่างไรก็ตาม ข้อแก้ตัวของ พัค ดูเหมือนจะไม่สามารถระงับความโกรธแค้นของสังคมได้ และมีประชาชนหลายหมื่นคนออกมาแสดงพลังประท้วงทั้งในกรุงโซลและเมืองอื่นๆ เพื่อกดดันให้เธอลาออก
หนังสือพิมพ์ฮันเคียวเรห์ในเกาหลีใต้รายงานวันนี้ (1) ว่า ชอย เข้าออกทำเนียบประธานาธิบดีเป็นว่าเล่นตั้งแต่ พัค เข้ารับตำแหน่งในปี 2013 ซึ่งรัฐบาลปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง
เมื่อวันอาทิตย์ (30) พัค ได้สั่งปลดผู้ช่วยคนสำคัญๆ ที่ถูกกล่าวหาว่ารู้เห็นเป็นใจกับ ชอย ขณะที่พรรครัฐบาลแซนูรีก็แนะให้ประธานาธิบดีปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ โดยดึงคนจากหลายพรรคเข้ามาทำงานเพื่อให้ดูมีความเป็นกลาง ซึ่งอาจจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นจากประชาชนและความเป็นเอกภาพในชาติขึ้นมาได้บ้าง
ด้านพรรคประชาธิปไตยเกาหลี (Democratic Party of Korea) ซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้านยังไม่เรียกร้องให้ พัค ต้องลาออก แต่ปฏิเสธที่จะร่วมเจรจากับรัฐบาลและพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อหาทางออกให้กับวิกฤตบ้านเมือง จนกว่าการสอบสวนความผิดของ ชอย จะเสร็จสิ้น
ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันของเกาหลีใต้ ประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งจะได้รับการคุ้มกันจากการถูกฟ้องศาลฐานประกอบอาชญากรรมทุกกรณี