เอเจนซีส์ - “คลินตัน” ทิ้งทวนสัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง งัดข่าวฉาวคาวโลกีย์กลับมาระดมโจมตี “ทรัมป์” หวังตอกตะปูปิดฝาโลงไม่ให้เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์แย่งชิงคะแนนในฟลอริดา รัฐสำคัญสำหรับเส้นทางในฝันสู่ทำเนียบขาว ขณะที่โพลชี้ว่า การเลือกตั้งวันที่ 8 นี้จะคู่คี่เร้าใจอย่างยิ่ง
โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน มีกำลังใจมาเป็นกองหลังผลสำรวจที่ออกมาช่วงเช้าวันอังคาร (1 พ.ย.) ชี้ว่า ตัวเองมีคะแนนนำเล็กน้อยในหมู่ผู้ที่ตั้งใจออกไปใช้สิทธิทั่วประเทศ
แต่ระหว่างที่ ฮิลลารี คลินตัน แคนดิเดตจากพรรคเดโมแครต ขึ้นเวทีหาเสียงที่เมืองฟอร์ตลอเดอร์เดล รัฐฟลอริดา ในวันเดียวกัน ทาร์เก็ตสมาร์ตได้เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นผู้ที่ไปลงคะแนนล่วงหน้า ที่พบว่า อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งผู้นี้จะกวาดชัยชนะในฟลอริดาด้วยคะแนน 48 ต่อ 40% เทียบกับโพลที่จัดทำในรัฐนี้ก่อนหน้านี้โดยรีลเคลียร์โพลิติกส์ที่ให้ทรัมป์นำบางเฉียบแค่ 1%
ผลสำรวจของทาร์เก็ตสมาร์ต ยังบ่งชี้ว่า ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันที่ไปลงทะเบียนแล้วจำนวนมากเปลี่ยนใจไปหาคลินตัน
กระนั้น ทรัมป์หาได้สะทกสะท้านไม่ มิหนำซ้ำ ยังอวดอ้างบนเวทีหาเสียงที่รัฐวิสคอนซิน ว่า ตนเองมีคะแนนนำในสนามเลือกตั้งสำคัญทั้งหมด โดยอ้างอิงผลสำรวจทั่วประเทศชิ้นใหม่ของเอบีซี นิวส์/วอชิงตัน โพสต์ ที่ระบุว่า ทรัมป์นำคลินตันอยู่ 46 ต่อ 45% แต่ตั้งข้อสังเกตว่า การต่อสู้คู่คี่มากขณะที่การเลือกตั้งใกล้จะมาถึงในวันที่ 8 นี้
อดีตพิธีกรเรียลิตีโชว์ยังชักชวนผู้ที่ไปลงคะแนนล่วงหน้าที่กาบัตรเลือกคลินตัน ให้ยกเลิกบัตรลงคะแนนดังกล่าว และเปลี่ยนมาเลือกตนเอง เนื่องจากในหลายรัฐ เช่น มิชิแกน เพนซิลเวเนีย และ มินนิโซตา อนุญาตให้ผู้ลงคะแนนล่วงหน้าเปลี่ยนการตัดสินใจได้ด้วยการส่งใบลงคะแนนใหม่ หรือไปแสดงตนเพื่อขอเลือกตั้งใหม่ที่คูหาในวันเลือกตั้ง
นอกจากนั้น การที่สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) รื้อสอบกรณีคลินตันใช้เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ยังทำให้สมาชิกรีพับลิกันพากันตีปีก รวมทั้งโหมกระพือความไม่น่าไว้วางใจของคลินตันในสายตาสาธารณชน
“คลินตัน คือ อดีตอันโสมม แต่เราจะเป็นอนาคตสดใสหมดจด” ทรัมป์ ประกาศที่เมืองโอแคลร์ รัฐวิสคอนซิน
ทางด้านคลินตันวกกลับมาโจมตีทรัมป์เรื่องพฤติกรรมต่ำช้ากับผู้หญิงรอบใหม่ ด้วยการเชิญ อลิเซีย มาชาโด อดีตนางงามจักรวาล ที่ถูกทรัมป์ล้อเลียนต่อหน้าประชาชีว่า อ้วนเป็นหมูหลังคว้ามงกุฎ
“ลูกสาวของเราจะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรกับความมั่นใจ และการเห็นคุณค่าของตัวเองของพวกเธอ” คลินตัน เตือนว่า อเมริกาไม่ควรมีประธานาธิบดีที่ “ดูหมิ่นคนครึ่งค่อนประเทศ” และตอกย้ำด้วยคลิปฉาวเมื่อปี 2005 ที่ทรัมป์โอ้อวดว่า การเป็นคนดังช่วยให้เขากอดจูบลูบคลำผู้หญิงได้ตามใจชอบ
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า ผลการเลือกตั้งจะคู่คี่อย่างน่าประหลาดใจ ทำให้ตลาดการเงินพากันตื่นตระหนก เนื่องจากคาดมาตลอดว่า อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศจะสามารถเอาชนะนักประชานิยมจากรีพับลิกันที่นักเศรษฐศาสตร์หวาดกลัวว่า จะทำให้โลกกลับสู่ภาวะถดถอย
ในสหรัฐฯ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดลดลง 0.7% ในวันอังคาร (1) และ “ดัชนีความหวาดกลัว” (Vix Volatility) กระโจนทำสถิติสูงสุดนับจากอังกฤษโหวตถอนตัวจากสหภาพยุโรป (อียู)
แต่ไม่ว่าคะแนนเสียงจากประชาชนทั่วสหรัฐฯจะคู่คี่กันแค่ไหน ด้วยระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกัน ที่ดูจากคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งในแต่ละรัฐ นั่นหมายความว่า ทรัมป์จะต้องชนะในมลรัฐที่เป็นฐานเสียงของเดโมแครตอย่างน้อย 1 รัฐ เช่น วิสคอนซิน บวกกับรัฐที่คะแนนเสียงยังไม่นิ่งอย่างฟลอริดา อีกทั้งต้องกวาดทุกมลรัฐที่เป็นของรีพับลิกันอยู่แล้ว
เป้าหมายดังกล่าวดูเหมือนยังห่างไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากโมเดลสถิติของนิวยอร์กไทมส์ บ่งชี้ว่า คลินตัน มีโอกาสชนะถึง 88% ขณะที่เว็บไซต์ติดตามข้อมูล ไฟต์เธอร์ตีเอ็กซ์ ระบุว่า ตัวแทนเดโมแครตมีโอกาสคว้าชัย 74%
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันนี้ยังอาจมีจุดพลิกผันจากกรณีที่เอฟบีไอรื้อการสอบสวนเกี่ยวกับการใช้เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวของคลินตันขณะคุมกระทรวงต่างประเทศ โดยทีมหาเสียงของคลินตันใช้เวลาตลอดสามวันที่ผ่านมาตำหนิ เจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอ
ล่าสุด ร็อบบี มุค ผู้จัดการแคมเปญหาเสียงของคลินตัน ออกมาทวงถามว่า เหตุใดนายใหญ่เอฟบีไอจึงไม่ยอมเปิดเผยผลการสอบเบื้องต้นเมื่อหลายเดือนมาแล้ว เกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่า ทรัมป์ หรือผู้ช่วยอาจละเมิดกฎหมายต่อต้านการติดสินบนในต่างประเทศ ด้วยการติดต่อ หรือค้าขายกับบุคคลในรัสเซีย ที่ถูกอเมริกา หรือนานาชาติคว่ำบาตรทางการเงิน