xs
xsm
sm
md
lg

“บัน คีมูน” แย้มมีโอกาสชิงเก้าอี้ “ปธน.โสมขาว” หลังหมดวาระผู้นำยูเอ็น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มุน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ออฟฟิศบนชั้น 38 ของสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 21 ต.ค.
รอยเตอร์ - “บัน คีมูน” เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ (21 ต.ค.) ว่าตนจะเดินทางกลับเกาหลีใต้ในช่วงกลางเดือน ม.ค.ปี 2017 หลังจากที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ผู้นำยูเอ็นมานานถึง 10 ปี และจะพิจารณาบทบาทอันเหมาะสมที่ตนสามารถทำเพื่อชาติ ท่ามกลางกระแสสนับสนุนให้ บัน ลงสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีโสมขาว

“ผมเข้าใจว่าคนจำนวนมากในเกาหลีใต้คงจะมีความคาดหวังเป็นธรรมดาว่า ผมน่าจะทำตัวเองให้พร้อมสำหรับการช่วยสร้างอนาคตที่สดใสยิ่งกว่าเดิมให้แก่เกาหลี” บัน วัย 72 ปี ซึ่งจะหมดวาระผู้นำยูเอ็นในช่วงปลายปี 2016 ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์

บัน ยอมรับว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับอนาคตหลังจากการเป็นผู้นำยูเอ็น

สัปดาห์ที่แล้ว ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติได้มีมติแต่งตั้ง อันโตนิโอ กูเตอร์เรส อดีตนายกรัฐมนตรีโปรตุเกส ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการยูเอ็นคนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้าเป็นต้นไป

ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า เวลานี้ บัน คีมูน เป็น “ว่าที่ผู้สมัคร” เพียงคนเดียวที่มีคะแนนนิยมเกิน 20% ขึ้นไปสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่จะมีขึ้นในเดือน ธ.ค.ปี 2017

บัน ที่ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการยูเอ็นมาแล้ว 2 สมัย สมัยละ 5 ปี จะเดินทางกลับถึงเกาหลีใต้ในช่วงกลางเดือน ม.ค.

“หลังจากนั้นผมจะปรึกษาหารือกับมิตรสหายและผู้ที่ผมเคารพนับถือ ซึ่งอาจให้คำแนะนำที่ดีแก่ผมได้ว่ามีบทบาทใดบ้างที่ผมควรจะทำเพื่ออนาคตที่สดใสยิ่งขึ้นของเกาหลี”

เป็นที่คาดกันว่า หาก บัน ตัดสินใจลงสมัครประธานาธิบดีก็คงจะลงในนามพรรคแซนูรี (Saenuri) เช่นเดียวกับประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย

บัน ระบุว่า “ทุกทางเลือกมีความเป็นไปได้” สำหรับตน และ “ขอให้ผมพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าจะใช้ประสบการณ์และเวลาในการเป็นเลขาธิการยูเอ็นให้ดีที่สุดได้อย่างไร”

บัน เอ่ยเสริมว่า เวลานี้ “ยังไม่เหมาะที่จะกล่าวอะไร” เพราะตนยังต้องมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่เลขาฯ ยูเอ็นต่อไปจนกว่าจะครบวาระ

ตลอดระยะเวลาที่ บัน ดำรงตำแหน่งเลขาฯ ยูเอ็นสมัยที่สอง สงครามกลางเมืองซีเรียมีแต่ทวีความรุนแรงขึ้น และโอกาสในการฟื้นฟูสันติภาพยังลงเลือนราง

สงครามที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 6 ปีคร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 400,000 คน และชาวซีเรียครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 22 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นฐาน

“ผมเสียใจอย่างยิ่งที่ยังไม่สามารถยุติความขัดแย้งในซีเรียได้... ผมพร้อมที่จะรับคำตำหนิและข้อวิจารณ์ทุกอย่าง แต่คุณควรทราบว่า บางครั้งคนเป็นเลขาธิการยูเอ็นก็ถูกตำหนิในสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเขา”

อีกหนึ่งปัญหาใหญ่สำหรับ บัน ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้มาก่อน ก็คือการรับมือวิกฤตความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ 2 ครั้ง และยิงขีปนาวุธกว่า 20 ลูกในปีนี้ ซึ่งถือเป็นการละเมิดคำสั่งห้ามของยูเอ็น

“เราไม่เคยเห็นสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีร้อนระอุขนาดนี้มาก่อน นี่คือสิ่งที่ผมเป็นห่วงมาก” บัน ให้สัมภาษณ์ที่ออฟฟิศบนชั้น 38 ของสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก

หลังจากโสมแดงได้ทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 ซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือน ก.ย. สหรัฐฯ และจีนซึ่งเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก็ได้ร่วมหารือเพื่อร่างมติลงโทษฉบับใหม่

ก่อนหน้านั้นในเดือน มี.ค. สมาชิกคณะมนตรีทั้ง 15 ชาติได้ประกาศคำสั่งคว่ำบาตรชุดใหญ่ต่อเกาหลีเหนือ เพื่อตอบโต้การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 ในเดือน ม.ค.

“บางครั้งคณะมนตรีความมั่นคงก็ใช้เวลานานเกินไปในการแสดงจุดยืน และการขาดความเป็นเอกภาพนี้เองได้กลายเป็นข้ออ้างให้รัฐสมาชิกอย่างเกาหลีเหนือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง” บันกล่าว

บัน ระบุว่า ตนเคยได้พบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือทั้งที่นิวยอร์กและในการประชุมระหว่างประเทศต่างๆ และได้แนะนำให้พวกเขาแก้ไขข้อพิพาท “ด้วยวิธีการอันนุ่มนวลและประนีประนอม”

บัน พยายามที่จะเดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ถูกรัฐบาลโสมแดงปฏิเสธร่ำไป

เลขาฯ ยูเอ็นผู้นี้เป็นที่นับหน้าถือตาอย่างสูงในเกาหลีใต้ สื่อมวลชนที่นั่นมักเรียกเขาว่า “ประธานาธิบดีของโลก” (President of the World) ขณะที่พ่อแม่ผู้ปกครองก็สั่งสอนลูกหลานให้ยึด บัน เป็นแบบอย่าง

หนังสือเกี่ยวกับชีวประวัติและการทำงานของ บัน ในยูเอ็นมีวางจำหน่ายทั่วไปในเกาหลีใต้ รวมถึงคู่มือการดำเนินชีวิตเพื่อให้ได้เป็นบุคคลสำคัญระดับโลก หรือเพื่อเลียนแบบวิธีการพูดของ บัน


กำลังโหลดความคิดเห็น