รอยเตอร์ - ยุน บยุง-เซ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ระบุวานนี้ (22 ก.ย.) ว่าเกาหลีเหนือกำลัง “เย้ยหยัน” บทบาทและอำนาจขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ด้วยการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธซ้ำแล้วซ้ำเล่า และถึงเวลาแล้วที่ยูเอ็นจะต้องพิจารณาว่ารัฐโสมแดงมีคุณสมบัติเหมาะสมแก่การเป็นสมาชิกหรือไม่
ระหว่างแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ยุนชี้ว่า คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นควรมีมาตรการคว่ำบาตรที่ “หนักหน่วงและครอบคลุม” ยิ่งกว่าเดิม เพื่อตอบโต้การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 9 ก.ย. รวมถึงอุดช่องโหว่ในบทลงโทษที่บังคับใช้มาในอดีต
“การที่เกาหลีเหนือฝ่าฝืนและเพิกเฉยต่อมติของคณะมนตรีความมั่นคงและบรรทัดฐานสากลซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีชาติใดทำมาก่อน และไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ของยูเอ็น” ยุนกล่าว
“สิ่งที่เกาหลีเหนือทำนับว่าเป็นการเย้ยหยันอำนาจของสมัชชาใหญ่ยูเอ็น และคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น”
“ดังนั้น ผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหันมาพิจารณาอย่างจริงจังว่า เกาหลีเหนือยังมีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการเป็นสมาชิกยูเอ็นซึ่งเป็นองค์กรแห่งสันติภาพหรือไม่ หลายประเทศก็กำลังตั้งคำถามเช่นนี้อยู่”
ยุนระบุว่า เกาหลีเหนือไม่เพียงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธ แต่ยังข่มขู่อย่างชัดแจ้งว่าจะนำอาวุธร้ายแรงเหล่านั้นมาใช้ “โจมตีก่อน” และนี่เป็น “โอกาสสุดท้าย” ที่นานาชาติจะยับยั้งความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์ของโสมแดงไว้ได้
รัฐมนตรีโสมขาวยังเรียกร้องให้ยูเอ็นลงโทษเปียงยางฐานละเมิดสิทธิพลเมือง และขอให้จับตาความเคลื่อนไหวของแรงงานโสมแดงในต่างประเทศว่าได้นำเงินค่าจ้างส่งไปอุดหนุนโครงการอาวุธของรัฐบาลหรือไม่
คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นอยู่ระหว่างหารือเพื่อร่างมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือชุดใหม่ โดยทั้งนักวิเคราะห์และนักการทูตระบุว่าจะลงโทษได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความร่วมมือของ “จีน” เป็นหลัก
แม้จีนจะเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุด แต่ก็ไม่พอใจที่เกาหลีเหนือบั่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาคด้วยการทดสอบจรวดและนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง
เมื่อเดือน มี.ค. จีนยอมสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือที่หนักหน่วงที่สุดในรอบ 20 ปี แต่ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้มีการฟื้นเจรจาลดอาวุธระหว่างโสมแดงกับ 5 มหาอำนาจ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และรัสเซีย
นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน ได้กล่าวในเวทีประชุมยูเอ็นเมื่อวันพุธ(21)ว่า ทุกประเทศจะต้องยึดมั่นต่อหลักการลดอาวุธบนคาบสมุทรเกาหลี และแก้ไขปัญหาเกาหลีเหนือด้วยวิธีเจรจา
รัฐบาลสหรัฐฯ แถลงว่า หลี่ และประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้เห็นพ้องกันเมื่อวันจันทร์ (19) ว่าทั้ง 2 ชาติควรยกระดับความร่วมมือในคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น รวมถึงในด้านการบังคับใช้กฎหมาย
ด้านนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นก็เอ่ยเตือนเมื่อวันพุธ (21) ว่า ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือในเวลานี้ “มีความร้ายแรงอย่างเป็นรูปธรรม” ยิ่งกว่าในอดีต และนานาชาติควรหาวิธีตอบโต้ที่เห็นผลชัดเจน