รอยเตอร์ - ด่านข้ามพรมแดนระหว่างจีนกับเกาหลีเหนือยังคงมีรถบรรทุกสินค้าแล่นผ่านคึกคัก แม้โสมแดงมีการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งที่ 5 ซึ่งละเมิดมติคว่ำบาตรของสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ก็ตาม
การทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ฉลองวันชาติของเกาหลีเหนือ เมื่อวันศุกร์ ที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมา ถูกเกาหลีใต้ สหรัฐฯ และนานาชาติประณามอย่างหนัก พร้อมกับรอดูท่าทีของจีน ซึ่งเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ที่มีสิทธิ์ออกเสียงเห็นชอบ หรือคัดค้านการลงมติใด ๆ แต่ขณะเดียวกันจีนก็ยังเป็นชาติพันธมิตรสำคัญที่สุดของเกาหลีเหนือ
แม้รัฐบาลปักกิ่งประณามการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งก่อแรงสั่นสะเทือนเป็นแผ่นดินไหวถึงขนาด 5.1 อย่างที่การทดสอบครั้งก่อน ๆ ของเกาหลีเหนือไม่เคยก่อผลกระทบรุนแรงเช่นนี้ ทว่าพญามังกรก็ยังสองจิตสองใจว่า จะเข้าร่วมการประกาศคว่ำบาตรเกาหลีเหนือครั้งใหม่ดีหรือไม่
ขณะที่ ด่านตันตง ซึ่งเป็นด่านใหญ่ของจีน ยังคงเปิดตามปกติเมื่อวันจันทร์ ที่ผ่านมา หลังจากมีการปิดด่านในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยสินค้า ที่จีนนำเข้าไปขายในเกาหลีเหนือราว 3 ใน 4 ต้องผ่านด่านดังกล่าว อย่างไรก็ตาม มีการตรวจรถบรรทุกสินค้าอย่างเข้มงวดกว่ายามปกติ
ชายแซ่หวัง ซึ่งขับรถบรรทุกท่อไอเสียรถยนต์ ระบุว่า สินค้าข้ามพรมแดนจะนำไปจำหน่ายแก่ชาวบ้าน และการค้าขายก็ยังคึกคักเหมือนเช่นเคย
เขาจอดรถบรรทุก ซึ่งขนท่อไอเสียรถยนต์ เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ตรงด่าน ซึ่งมีอยู่ช่องเดียว ตรวจ ก่อนจะข้ามสะพานมิตรภาพ ซึ่งเป็นสะพานแคบ ทอดข้ามแม่น้ำยาลู เข้าไปยังเกาหลีเหนือ
มีรถบรรทุกสินค้าจอดเข้าแถวยาว บ้างก็ขนกรอบไม้ บ้างก็ขนวัสดุก่อสร้าง เหล็กกล้า อะลูมิเนียม ยาง เครื่องจักร อิฐ หรือแม้แต่รถแทรกเตอร์ขนาดเล็ก
ที่ผ่านมาจีนได้ร่วมลงนามคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ เพื่อให้อีกฝ่ายยุติโครงการพัฒนานิวคลียร์และขีปนาวุธ แต่ก็วิตกว่า หากตัดขาดการค้าอย่างสิ้นเชิง จะทำให้ประชาชนตาดำ ๆ เดือดร้อน และอาจเร่งให้เกาหลีเหนือล่มสลาย ซึ่งจะก่อปัญหาคลื่นผู้อพยพทะลักเข้าจีนตามมา
อิ่ง เหริน คนขับรถบรรทุก วัย 54 ปีเล่าว่า มีการตรวจค้นอย่างละเอียดทุกอย่าง และห้ามขนสารเคมีข้ามพรมแดนอย่างเด็ดขาด
การคว่ำบาตรของยูเอ็นมุ่งไปที่สินค้าหรู และวัสดุ ที่เกาหลีเหนืออาจนำไปทำระเบิดนิวเคลียร์และขีปนาวุธ นอกจากนั้น ยังสกัดช่องทางไม่ให้เกาหลีเหนือครอบครองเงินสกุลหลัก เพื่อใช้เป็นทุนดำเนินโครงการต้องห้าม
ชาวเกาหลีเหนือมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นก็ด้วยสินค้า ที่นำเข้าจากจีน สินค้าเหล่านี้วางจำหน่ายในตลาดกึ่ง ๆ ถูกกฎหมาย ซึ่งผุดทั่วประเทศ
นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้แต่ชาติตะวันตกเองยังรีรอการคว่ำบาตรสินค้า ที่จะกระทบต่อการค้าขายประจำวัน เพราะหวังว่า การเติบโตของชนชั้นผู้บริโภคจะกัดกร่อนคณะผู้ปกครองภายใต้การนำของนายคิม จองอึนได้ในที่สุด
นายเหลียง เหิงซุ่น คนขับรถบรรทุกสินค้าอีกรายบอกว่า เขาไปไม่อยากอ้อยอิ่งอยู่ในเกาหลีเหนือนานนัก เพราะที่นี่เป็นสังคมปิด ซึ่งห้ามใช้โทรศัพท์ ห้ามฟังวิทยุ และจะยึดเอกสารทุกอย่าง ที่มิได้เขียนด้วยภาษาเกาหลี เช่น หนังสือพิมพ์ภาษาจีน
เขาเล่าว่า ยังมีการลักลอบขนสินค้าเข้ามาขายในตลาดมืดในเกาหลีเหนืออีกด้วย เช่น วิกผม ขนตาปลอม สินค้าชิ้นเล็ก ๆ อื่น ๆ โดยแอบขนมาในรถทัวร์ เช่น วิกผม ตามปกติขายในราคา 1,000 หยวน หรือ ราว 5,000 บาท แต่ถ้าขายในตลาดมืดแดนโสมแดงราคาจะถูกลงแค่ 200 -300 หยวน หรือราว 1,000-1,500 บาท เท่านั้น ซึ่งคนขับรถทัวร์แฮปปี้ เพราะเขายังได้กำไรอยู่ดี