xs
xsm
sm
md
lg

อิรักเตรียมชิงคืน “เมืองชาวคริสต์” ใกล้ ๆ กับ “โมซุล” ห่วง IS ใช้ทั้งโล่มนุษย์-อาวุธเคมี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<i>กองกำลังอาวุธของอิรัก รวมพลกันในหมู่บ้านบัจวานิยะห์ ห่างจากเมืองโมซุลลงมาทางใต้ราว 30 กิโลเมตรเมื่อวันอังคาร (18 ต.ค.) ภายหลังสามารถปลดปล่อยหมู่บ้านแห่งนี้ออกจากเงื้อมมือของกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส)  ทั้งนี้ในวันพุธ (19) กองกำลังอิรักเตรียมการรุกต่อไปยึดคืนเมืองเมืองกอรากอช (Qaraqosh) ซึ่งเป็นเมืองชาวคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในอิรัก และตั้งอยู่ห่างจากโมซุลลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 15 กิโลเมตร </i>
เอเจนซีส์ - กองกำลังอาวุธของอิรัก เตรียมที่จะบุกชิงเมืองชาวคริสต์ใหญ่ที่สุดของประเทศ จากเงื้อมมือของพวก “ไอเอส” ในวันพุธ (19 ต.ค.) ซึ่งจะกลายเป็นหลักหมายสำคัญในความคืบหน้าของยุทธการรุกตีเมืองโมซุลกลับคืนที่ย่างเข้าสู่วันที่ 3 ขณะเดียวกัน อเมริกาและหน่วยงานนานาชาติ แสดงความวิตกว่า นักรบญิฮาดหัวรุนแรงกลุ่มนี้อาจสกัดการเข้าโจมตีของกองทัพอิรักและพันธมิตรด้วยการใช้ “อาวุธเคมี” และใช้ชาวบ้านเป็น “โล่มนุษย์” นอกจากนั้น “โอบามา” เตือนว่า การสู้รบนี้ยังน่าจะยืดเยื้อ ซึ่งก็สอดคล้องกับรายงานที่ระบุว่า ผู้นำและนักรบมือดีที่สุดของกลุ่มนี้ยังบัญชาการรบอยู่ภายในโมซุล

มีรายงานในวันพุธ (19) ว่า กองกำลังอิรักยังอยู่ห่างจากตัวเมืองโมซุลระหว่าง 20 - 50 กม. และเตรียมตัวที่จะเข้ายึดคืนเมืองกอรากอช (Qaraqosh) ซึ่งเป็นเมืองชาวคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในอิรัก และตั้งอยู่ห่างจากโมซุลลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 15 กิโลเมตร

ก่อนหน้านี้ ในวันอังคาร (18) ซึ่งเป็นวันที่สองของยุทธการชิงคืนเมืองโมซุล ขบวนรถหุ้มเกราะของกองกำลังอิรักสามารถเคลื่อนเข้าสู่หมู่บ้านหลายแห่งใกล้ ๆ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรักแห่งนี้ โดยพบการต่อต้านจากกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) เพียงเล็กน้อย เนื่องจากมีการปูพรมทางอากาศอย่างหนักกรุยทางไว้ก่อนแล้ว

รายงานระบุว่า บางครอบครัวโบกธงต้อนรับกองทัพรัฐบาล ขณะที่บางบ้านปิดประตูเงียบตามคำแนะนำในใบปลิวที่แบกแดดแจกจ่ายก่อนเริ่มปฏิบัติการนี้ นอกจากนั้น ในหมู่บ้านหนึ่งยังมีการนำตัวชาวบ้านชายไปตรวจสอบเพื่อป้องกันการแฝงตัวของนักรบไอเอส

ยุทธการชิงคืนโมซุลที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันจันทร์ (17) โดยมีทหารอิรัก 30,000 คน เป็นกองกำลังหลัก ถือเป็นปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดนับจากที่อเมริกาถอนทัพจากอิรักในปี 2011

ปฏิบัติการนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ในรูปการถล่มโจมตีทางอากาศและการช่วยฝึกกองกำลังอาวุธท้องถิ่น นอกจากนั้น ยังมีทหารหน่วยรบพิเศษของอเมริกา อังกฤษ และ ฝรั่งเศส เข้าร่วมในปฏิบัติการภาคพื้นดินเพื่อให้คำแนะนำกองทัพอิรักอีกด้วย
<i>กองกำลังอาวุธของอิรักขณะสู้รบกับกลุ่มไอเอสที่หมู่บ้านบัจวานิยะห์ ห่างจากเมืองโมซุลลงมาทางใต้ราว 30 กิโลเมตร ในวันอังคาร (18 ต.ค.) </i>
<i>สมาชิกคนหนึ่งในกองกำลังอาวุธของอิรักซึ่งแต่งกายในชุดพราง เดินอยู่ในหมู่บ้านบัจวานิยะห์ ห่างจากเมืองโมซุลลงมาทางใต้ราว 30 กิโลเมตร ในวันอังคาร (18 ต.ค.) </i>
ผู้บังคับบัญชาทหารของอิรักเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (18) ว่า มีความคืบหน้าต่อเนื่องในการเข้าโจมตีไอเอสจากสองด้านหลักพร้อมกัน ขณะที่กองกำลังพันธมิตรบอกว่า สามารถทำลายเป้าหมาย 52 แห่งในปฏิบัติการวันแรก และกองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า กองกำลังอิรักมีความคืบหน้าเกินคาด

กระนั้น ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เตือนว่า การต่อสู้ในโมซุลจะยืดเยื้อ โดยอาจมีทั้งความคืบหน้าและการถดถอย แต่ก็ถือเป็นก้าวย่างสู่การทำลายล้างไอเอสขั้นเด็ดขาด

ก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า อาจยังมีพลเรือนอยู่ในโมซุล 1 ล้านคน ทำให้การขับไล่ไอเอสออกจากเมืองนี้เป็นความท้าทายใหญ่หลวงสำหรับอิรักและฝ่ายตะวันตก

ทางด้านโฆษกสำนักงานผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ขานรับว่า ปฏิบัติการชิงคืนโมซุลอาจทำให้เกิดหายนะด้านมนุษยธรรม และก่อให้เกิดวิกฤตการณ์การพลัดถิ่นจากฝีมือมนุษย์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน โธมัส เวสส์ หัวหน้าทีมในอิรักขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) กล่าวว่า ไอเอสอาจใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์ รวมทั้งมีหลักฐานบางอย่างบ่งชี้ว่า นักรบญิฮาดกลุ่มนี้อาจใช้อาวุธเคมี ซึ่งเด็ก ผู้สูงวัย ผู้ทุพพลภาพ จะมีความเสี่ยงอย่างมาก

คำแถลงเช่นนี้สอดคล้องกับการเปิดเผยของสภากาชาดสากล ที่ระบุว่า ได้ฝึกวิธีการรับมือ รวมทั้งแจกจ่ายอุปกรณ์ป้องกันตัวจากการโจมตีด้วยอาวุธเคมี ให้แก่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงรอบโมซุล

ส่วนเจ้าหน้าที่สหรัฐฯแจ้งว่า กองทัพเริ่มเก็บชิ้นส่วนกระสุนปืนใหญ่ไปตรวจพิสูจน์หาสารเคมี เนื่องจากก่อนหน้านี้ ไอเอสเคยใช้อาวุธเคมีอย่างแก๊สซัลเฟอร์มัสตาร์ดมาก่อน

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่อเมริกันไม่เชื่อว่า ไอเอสสามารถพัฒนาอาวุธเคมี โดยเฉพาะชนิดที่มีอานุภาพทำลายล้างร้ายแรงได้ เท่ากับว่า อาวุธสำคัญที่สุดของกลุ่มนี้ยังคงเป็นอาวุธแบบแผนตามปกติ
<i>ชาวอิรักรออยู่ที่ด่านตรวจแห่งหนึ่งใกล้ๆ เมืองกายยาเราะห์ ทางด้านใต้ของเมืองโมซุล เมื่อวันอังคาร (18 ต.ค.) ขณะที่กองกำลังอาวุธอิรักกำลังรุกคืบหน้าเพื่อยึดเมืองโมซุลคืนมาจากพวกไอเอส </i>
เห็นกันว่า หากอิรักและพันธมิตรสามารถชิงเมืองโมซุลกลับคืนมา เท่ากับเป็นความปราชัยครั้งใหญ่ในอิรักของไอเอส ทว่า ขณะเดียวกัน มันก็อาจนำไปสู่การแย่งชิงพื้นที่และการต่อสู้นองเลือดระหว่างผู้คนต่างนิกาย หลังจากที่พวกเขาได้ช่วงชิงความได้เปรียบและกระทั่งสู้รบกันเองเรื่อยมา นับจากที่ ซัดดัม ฮุสเซน ถูกโค่นอำนาจในปี 2003

นอกจากนั้น ในอีกด้านหนึ่ง ความพ่ายแพ้ยังอาจกดดันให้ไอเอสหันไปใช้การลอบโจมตีมากขึ้น โดยช่วงไม่กี่วันมานี้กลุ่มนี้ก็ได้อ้างความรับผิดชอบในเหตุระเบิดฆ่าตัวตายหลายครั้งในแบกแดด

เนื่องจากไอเอสยังพยายามบ่มเพาะหรือเป็นแรงบันดาลใจ เพื่อให้เกิดการโจมตีเมืองต่าง ๆ ในโลกตะวันตก ดังนั้น จูเลียน คิง กรรมาธิการความมั่นคงของสหภาพยุโรป (อียู) จึงออกมาแสดงความกังวลในวันอังคาร (18) เกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากภัยก่อการร้ายในยุโรป หากไอเอสสูญเสียโมซุล ซึ่งเป็นที่มั่นใหญ่แห่งสุดท้ายในอิรัก

ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่อเมริกัน เชื่อว่า มีแนวโน้มมากที่สุดที่ไอเอสจะใช้อาวุธเคมีในช่วงท้ายการสู้รบชิงเมืองโมซุล ที่คาดว่าจะยากลำบากและยืดเยื้อนี้

รายงานระบุว่า ผู้นำไอเอสปะปนอยู่ในกลุ่มนักรบราว 3,000 - 4,500 คน ที่ยังอยู่ในโมซุล ซึ่งตอกย้ำว่า ไอเอสจะต่อสู้ขัดขวางกองทัพอิรักและพันธมิตรอย่างสุดความสามารถ เจ้าหน้าที่อเมริกันยังเชื่อว่า นักรบมือดีที่สุดของไอเอสยังคงอยู่ในเมืองนี้

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวอามัคที่มีสายสัมพันธ์กับไอเอส เผยแพร่คลิปภาพนักรบสวมหน้ากากลาดตระเวนบนถนนที่ว่างเปล่า ซึ่งอ้างว่า เป็นถนนในโมซุล และนักรบคนหนึ่งประกาศว่า อเมริกาจะต้องพ่ายแพ้และถูกขับไล่พ้นจากอิรัก

กำลังโหลดความคิดเห็น