เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (11 ต.ค.) ว่าจะเยือนจีนเร็วๆ นี้ และหวังจะได้เดินทางไปรัสเซียเช่นกัน หลังวิพากษ์วิจารณ์พันธมิตรเก่าแก่อย่างสหรัฐฯ อีกครั้งว่าพวก “จองหอง”
ภารกิจเยือนจีนจะเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของดูเตอร์เต นับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ความเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ที่เน้นย้ำลำดับความสำคัญที่เขาวางไว้ในการพัฒนาความสัมพันธ์กับปักกิ่ง หลังความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติบูดเบี้ยวมาช้านาน ในข้อพิพาทแย่งชิงอ้างกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้
“จีนเชิญผมมาหลายรอบแล้ว และผมก็ตอบรับคำเชิญ” ดูเตอร์เตกล่าว ณ ทำเนียบประธานาธิบดี ทั้งนี้เขาไม่ได้ระบุวันเวลาของการเดินทางเยือนอย่างเจาะจง แต่บอกว่ามันจะเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะเดินทางเยือนญี่ปุ่นในวันที่ 25 ถึง 27 ตุลาคม
ดูเตอร์เตบอกว่า เดิมทีเขาวางแผนเดินทางเยือนญี่ปุ่น แหล่งเงินทุนช่วยเหลือจากต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ ก่อนหน้าเดินทางไปจีน อย่างไรก็ตาม เขาชี้แจงว่าญี่ปุ่นเสนอวันเวลาที่แน่นอน ส่วนปักกิ่งบอกว่าว่างก่อนหน้านั้น ดังนั้นเขาจึงตอบรับคำเชิญดังกล่าว
ผู้นำฟิลิปปินส์บอกด้วยว่าหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่ญี่ปุ่น “บางทีผมอาจจะไปเยือนรัสเซีย”
ดูเตอร์เตหวังสานความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีนและรัสเซีย ขณะเดียวกันก็ด่าทอสหรัฐฯ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้อเมริกาจะเป็นอดีตผู้ปกครองอาณานิคมฟิลิปปินส์และเป็นพันธมิตรด้านกลาโหมก็ตาม
ทั้งนี้ การด่าทอส่วนใหญ่เป็นการตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสหรัฐฯ ต่อสงครามยาเสพติดของดูเตอร์เต ซึ่งคร่าชีวิตแล้วมากกว่า 3,300 ศพ และกระพือความกังวลเกี่ยวกับการฆ่าโดยศาลเตี้ย
ประธานธิบดีดูเตอร์เตยกเลิกการลาดตระเวนร่วมกับสหรัฐฯ ในทะเลจีนใต้ พร้อมระบุว่าบางทีเขาอาจจะละทิ้งข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหม ที่เปิดทางให้ทหารอเมริกาสับเปลี่ยนหมุนเวียนทั่วฟิลิปปินส์ และขู่ว่าในท้ายที่สุดอาจตัดความสัมพันธ์กับวอชิงตันโดยสิ้นเชิง
นายดูเตอร์เตยังคงเรียก บารัค โอบามา ว่าลูกกะหรี่ ตอบโต้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนในสงครามยาเสพติด แต่ในทางตรงกันข้าม เขาเรียก สี จิ้นผิง ผู้นำของจีน ว่า “ประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่” พร้อมยกย่องจีนกับรัสเซียที่แสดงความเคารพไม่วิพากษ์วิจารณ์มาตรการปราบปรามอาชญากรรมของเขา
ในวันอังคาร (11 ต.ค.) นายดูเตอร์เตวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ ยาวเหยียด โดยตราหน้าประเทศแห่งนี้ว่า “จองหอง” และไร้อำนาจที่จะหยุดยั้งรัสเซียในการยึดไครเมียมาจากยูเครน พร้อมบอกว่าฟิลิปปินส์ไม่ได้อะไรเลยจากการซ้อมรบร่วมกับอเมริกา แม้มันจะเป็นเสาหลักในความสัมพันธ์ด้านกลาโหมระหว่างสองชาติ “พวกเขาได้ประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว แต่เราไม่” เขากล่าว
ณ เวลานี้ สหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์อยู่ระหว่างการซ้อมรบที่มีทหารเข้าร่วมราว 2,000 นาย อย่างไรก็ตาม นายดูเตอร์เตบอกว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายในวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปีของเขา ส่งผลให้การซ้อมรบร่วมประจำปีคราวหน้าถูกแช่แข็งไว้ก่อน
ฟิลิปปินส์ถูกมองมาช้านานว่าเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ภักดีที่สุดของวอชิงตันในเอเชีย โดยทั้งสองชาติมีพันธสัญญาภายใต้ข้อตกลงกลาโหมร่วมที่ลงนามในปี 1951
เบนิโญ อากีโน ประธานาธิบดีคนก่อน แสวงหาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ มากขึ้นเพื่อตอบโต้ความพยายามของจีนที่ต้องการควบคุมทะเลจีนใต้ โดยข้อตกลงกลาโหมปี 2014 และการลาดตระเวนร่วมคือยุทธศาสตร์สำคัญของอากีโน ที่ใช้สกัดกั้นปักกิ่ง
จีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่เกือบทั้งหมดของทะเลแห่งนี้ แม้ว่าน่านน้ำเหล่านั้นจะอยู่ใกล้กับฟิลิปปินส์และเหล่าชาติอาเซียนต่างๆ และช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ดำเนินการสร้างเกาะเทียมหลายแห่งที่มีศักยภาพใช้เป็นฐานทัพทางทหารในพื้นที่พิพาท
อากีโนกระพือความโกรธเคืองจากจีนมากขึ้น ด้วยการยื่นฟ้องต่อศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่ได้รับการสนับสนุนจากยูเอ็นในปี 2013 คัดค้านการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่เกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ของปักกิ่ง
ในเดือนกรกฎาคม ไม่นานหลังจากนายดูเตอร์เตเข้ารับตำแหน่ง ศาลพิพากษาเข้าข้างฟิลิปปินส์ โดยบอกว่าคำกล่าวอ้างของจีนไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายรองรับ และการก่อสร้างเกาะเทียมในพื้นที่พิพาทไม่ชอบธรรมตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม นายดูเตอร์เตประกาศว่าจะไม่นำคำพิพากษามาเย้ยหยันหรือโอ้อวด พร้อมระบุต้องการแสวงหาทางออกอย่างนุ่มนวลกับจีนในประเด็นดังกล่าว ซึ่งต่อมาเขาก็เปิดฉากเจรจากับปักกิ่ง ยุทธศาสตร์ที่เคยถูกปฏิเสธโดยนายอากีโน