เอเอฟพี - นายโรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ บอกให้ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ “ไปลงนรก” ในวันอังคาร (4ต.ค.) พร้อมกับขู่ยุติความสัมพันธ์ฉันท์พันธมิตรหลายทศวรรษระหว่างประเทศของเขากับอเมริกา แล้วหันไปฝักใฝ่จีนและรัสเซียแทน หลังยังเคืองที่ถูกผู้นำวอชิงตันวิจารณ์เกี่ยวกับสงครามต่อต้านยาเสพติด
คำพูดดุเดือดครั้งใหม่นี้เกิดขึ้นในขณะที่ฟิลิปปินส์ และสหรัฐฯ กำลังซ้อมรบร่วมประจำปี ที่ดูเตอร์เตเคยเตือนว่า อาจเป็นครั้งสุดท้ายในระหว่างที่เขายังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เพื่อตอบโต้อเมริกาที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์สงครามต่อต้านยาเสพติดนองเลือดของเขา
“ผมสูญเสียความเคารพต่ออเมริกา” ดูเตอร์เต คร่ำครวญระหว่างการกล่าวปราศรัยยาวเหยียด เกี่ยวกับเสียงเรียกร้องของสหรัฐฯ สหประชาชาติ และ สหภาพยุโรป ให้เคารพต่อสิทธิมนุษยชน “มิสเตอร์ โอบามา ไปลงนรกซะ”
ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ยังตราหน้าอเมริกันชนว่า เป็นพวก “เสแสร้ง” และเตือนว่าบางทีอาจถึงเวลาแล้วที่เขาจะทุบทำลายความเป็นพันธมิตรระหว่างสองชาติลงโดยสิ้นเชิง ในนั้นรวมถึงข้อตกลงกลาโหมร่วม “ที่สุดแล้ว บางทีในสมัยของผม ผมอาจแตกหักกับอเมริกา ผมอยากเอื้อมมือไปหารัสเซียหรือไม่ก็จีนมากกว่า แม้ว่าเราไม่เห็นด้วยกับอุดมการณ์ของพวกเขา แต่พวกเขาให้ความเคารพต่อคนอื่น และความเคารพคือสิ่งสำคัญ”
นายดูเตอร์เต เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน โดยมีเป้าหมายลำดับต้น ๆ ในวาระ 6 ปีของเขา คือ กำจัดพวกค้ายาเสพติดให้พ้นไปจากสังคม และบอกว่า เขาพึงพอใจที่ได้เข่นฆ่าอาชญากรค้ายาเสพติด 3 ล้านคน เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น
จากข้อมูลอย่างเป็นทางการ มีผู้คนแล้วกว่า 3,000 ราย ที่ถูกสังหารในสงครามยาเสพติด ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ เตือนว่า การฆ่าหมู่โดยทีมสังหารศาลเตี้ยเป็นการละเมิดหลักนิติธรรม อย่างไรก็ตาม นายดูเตอร์เต ยืนยันว่า เขาไม่ได้ละเมิดกฎหมายใด ๆ และตำรวจลงมือวิสามัญเพื่อป้องกันตนเองและผู้เสียชีวิตจำนวนมากตาย เพราะแก๊งยาเสพติดฆ่าตัดตอนกันเอง
เมื่อเดือนที่แล้ว โอบามา ได้เรียกร้องนายดูเตอร์เต ณ ที่ประชุมซัมมิตระดับภูมิภาคในประเทศลาว ให้เคารพหลักนิติธรรม และดำเนินการสงครามต่อต้านยาเสพติดในแนวทางที่ถูกต้อง
ไม่กี่วันก่อนหน้านั้น นายดูเตอร์เต เพิ่งเรียกนายโอบามา ว่า เป็นลูกโสเภณี หลังได้รับทราบว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจหยิบยกประเด็นความกังวลด้านสิทธิมนุษยชนเข้าหารือ ณ ที่ประชุมดังกล่าว
ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างฟิลิปปินส์ และสหรัฐฯ เติบโตแข็งแกร่งขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้การขยายอิทธิพลของจีนในทะเลจีนใต้โดยเฉพาะ
ปักกิ่งอ้างกรรมสิทธิ์เหนืออาณาเขตเกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ ไม่เว้นแม้แต่น่านน้ำที่อยู่ใกล้กับฟิลิปปินส์ และชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่น ๆ และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งสร้างเกาะเทียมหลายแห่งในพื้นที่พิพาท ซึ่งมีศักยภาพใช้เป็นที่ตั้งของฐานทัพด้วย
เพื่อตอบโต้จีน ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนก่อน นายเบนิโญ อากีโน จึงแสวงหาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงการลงนามในข้อตกลงด้านกลาโหมใหม่ ที่เปิดทางให้ทหารอเมริกาหลายพันนายหมุนเวียนทั่วฟิลิปปินส์ และอนุญาตให้วอชิงตันประจำการยุทโธปกรณ์ทางทหารตามฐานทัพต่าง ๆ ของประเทศ
อย่างไรก็ตาม นายดูเตอร์เต ได้ปรับเปลี่ยนเส้นทางนั้น พร้อมเตือนว่า เขาจะยกเลิกข้อตกลงใหม่และจะไม่อนุญาตให้มีการลาดตระเวนร่วมกับสหรัฐฯอีกในทะเลจีนใต้
ในวันอังคาร (4 ต.ค.) นายดูเตอร์เต บอกว่า ชาวฟิลิปปินส์ไม่อาจไว้ใจสหรัฐฯได้อีกต่อไป “อย่าไปเชื่อพวกอเมริกันเหล่านี้ พวกเขาไม่สู้จนตัวตายเพื่อเราหรอก” เขากล่าว
เวลานี้มีทหารอเมริกาและฟิลิปปินส์ ราว 2,000 นาย กำลังเข้าร่วมการซ้อมรบ 8 วัน ซึ่งจัดขึ้นในน่านน้ำใกล้พื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้
ระหว่างเปิดการซ้อมรบในมะนิลา เหล่าผู้บัญชาการทหารจากทั้งสองฝ่ายก็ยังคงดำเนินการดังเช่นความสัมพันธ์ยังปกติอยู่ อย่างไรก็ตาม ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่โดยสถานทูตสหรัฐฯในเมืองหลวงฟิลิปปินส์ ได้แย้มให้เห็นถึงร่องรอยแห่งความตึงเครียด “เราจะยังเคารพต่อพันธสัญญาแห่งความเป็นพันธมิตรของเรา และเราคาดหมายว่าฟิลิปปินส์จะทำแบบเดียวกัน” โฆษกสถานทูตระบุ