รอยเตอร์ - การที่ โจชัว หว่อง แกนนำนักศึกษาเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นการตัดสินใจของรัฐบาลไทยเอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงวันนี้ (10 ต.ค.)
หว่อง วัย 19 ปี ซึ่งเป็นหัวหอกระดมมวลชนออกมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยบนเกาะฮ่องกงเมื่อปี 2014 ถูกควบคุมตัวหลังจากเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเขาได้รับเชิญจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ไปแสดงปาฐกถาในวันที่ 6 ต.ค. เกี่ยวกับขบวนการ Umbrella Movement ในฮ่องกง รวมถึงแผนจัดตั้งพรรคการเมือง
การที่ไทยไม่อนุญาตให้ โจชัว หว่อง เข้าประเทศทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามเกี่ยวกับการแทรกแซงที่รัฐบาลปักกิ่งกระทำต่อฮ่องกง ที่แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของจีนแต่ก็มีอำนาจปกครองตนเองมากพอสมควร ภายใต้แนวทาง “หนึ่งประเทศ สองระบบ” (one country, two systems)
เหตุการณ์นี้ยังก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับอิทธิพลที่จีนมีต่อรัฐบาลไทย
ล่าสุด หลี่ เป่าตง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ออกมายืนยันวันนี้ (10) ว่า จีนยึดมั่นในหลักการเคารพอธิปไตยของชาติอื่น ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เล็กหรือใหญ่กว่าก็ตาม
“ส่วนเรื่องที่ โจชัว หว่อง ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศไทยนั้นเป็นการตัดสินใจของรัฐบาลไทยเอง โดยเป็นไปตามกฎระเบียบว่าด้วยการเข้าเมืองของไทย” หลี่ ให้สัมภาษณ์ โดยไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
สัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์เดอะเนชันได้อ้างข้อมูลจาก พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 สุวรรณภูมิ ซึ่งระบุว่า ทางการจีนได้ “ขอความร่วมมือ” ให้ไทยปฏิเสธการเข้าเมืองของ โจชัว หว่อง
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ได้เผยกับรอยเตอร์ในภายหลังว่า ตนไม่เคยให้สัมภาษณ์กับเดอะเนชัน และไม่ทราบด้วยว่า หว่อง เป็นบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำหรือไม่
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การส่งตัว โจชัว หว่อง กลับไปยังฮ่องกงนั้นเป็นเรื่องของจีน ไม่เกี่ยวกับไทย
การรัฐประหารในไทยเมื่อปี 2014 ได้เรียกเสียงประณามอย่างรุนแรงจากชาติตะวันตก ซึ่งหลังจากนั้นรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้หันไปผูกสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับจีน
หลี่ หยวนเฉา รองประธานาธิบดีของจีน ได้เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันอาทิตย์ (9) พร้อมแสดงความมุ่งหวังว่าไทยและจีนจะเพิ่มความร่วมมือในประเด็นสำคัญๆ และ “มีส่วนร่วมในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพระหว่างทั้งสองชาติ และในภูมิภาค” กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงวันนี้ (10)