เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - องค์การสหประชาชาติยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดเมื่อวานนี้ (8 ต.ค.) ในเยเมนไม่ต่ำกว่า 140 คน และยอดผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 525 คน หลังจากมีรายงานจากรัฐบาลเยเมนของกบฏฮูตีในวันเสาร์ (8 ต.ค.) ว่า กองกำลังซาอุฯที่เป็นชาติผู้นำพันธมิตร ใช้กำลังโจมตีทางอากาศตึกหลังหนึ่งในกรุงซานา ซึ่งเป็นที่จัดงานศพของของบิดารัฐมนตรีมหาดไทยเยเมนที่ได้รับการแต่งตั้งโดยกบฏฮูตี ด้านสหรัฐฯแถลงเตรียมประเมินปรับระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงกับแดนเศรษฐีน้ำมัน
RT สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้ (8 ต.ค.) ว่า แถลงการณ์ที่ออกโดยองค์การสหประชาชาติในวันเสาร์ (8 ต.ค.) ได้ยืนยันว่า ตัวเลขความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศของซาอุฯ ซึ่งเป็นชาติผู้นำกลุ่มพันธมิตรในพิธีศพขอกบฏฮูตี กรุงซานา เยเมน ล่าสุดทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 140 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 525 ราย
ด้านผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเยเมน อับดุล-ซาลาม อัล-มาดานี (Abdul-Salam al-Madani) แถลงว่า ปฏิบัติการโจมตีเหนือท้องฟ้ากรุงซานานั้น เป็นฝีมือของเครื่องบินกองกำลังซาอุฯ อ้างอิงจากการรายงานของรอยเตอร์
ซึ่งรอยเตอร์ชี้ว่า รัฐบาลเยเมนในกรุงซานาของกบฏฮูตี ออกแถลงการณ์ในวันเสาร์ (8 ต.ค.) ว่า มีการโจมตีทางอากาศเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม สื่อเลบานอน อัล มายาดีน (Al Mayadeen) ได้รายงานยอดเสียชีวิตอยู่ที่ 213 คน
ด้านสื่อรัสเซียรายงานต่อว่า จรวดมิสไซล์ได้ตกลงที่เป้าหมายตึกหลังหนึ่งซึ่งถูกใช้เป็นที่จัดงานพิธีศพกบฏฮูตี ทำให้ตึกแห่งนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก รอยเตอร์รายงานก่อนหน้านี้
โดยเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินเยเมนได้เปิดเผยระบุว่า เขาเห็นร่างที่ถูกไหม้ไฟจนเป็นตอตะโก หรือมีลักษณะบาดแผลสาหัส พร้อมเปิดเผยต่อว่าพิธีศพที่ถูกจัดขึ้นนี้สำหรับพิธีศพของบิดาของรัฐมนตรีมหาดไทยเยเมนที่ถูกแต่งตั้งโดยกบฏฮูตี และพบว่า เจ้าหน้าที่ทหารเยเมนและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเยเมนที่ร่วมอยู่กับกบฏฮูตีนั้นรวมอยู่ในรายชื่อเหยื่อการถูกโจมตีครั้งนี้
เอพีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตในตอนแรกอยู่ที่ 45 ราย และเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินเยเมน มูราด ทาวฟิค (Murad Tawfiq) ให้ข้อมูลว่า “พิธีศพได้ถูกเปลี่ยนเป็นทะเลสาบเลือดแทน”
RT รายงานต่อว่า ก่อนหน้านี้ ภาพเหตุการณ์ที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นสภาพซากอาคารที่ถูกจรวดมิสไซล์ทำลายอย่างยับเยิน และยังมีบางส่วนที่ยังคงมีเปลวไฟพวยพุ่ง และมีร่างของเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ผลจากการโจมตีของกองกำลังซาอุฯ
ด้านรอยเตอร์รายงานว่า พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ระบุว่า เครื่องบินรบซาอุฯได้ยิงมิสไซล์จำนวน 2 ลูก ใส่อาคารเป้าหมายในขณะที่มีประชาชนชาวเยเมนจำนวนมากกำลังร่วมงานพิธีศพในขณะเกิดเหตุ “มีจรวด 1 ลูกได้ฉีกตึกออกเป็นชิ้น และทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้น ส่งผลทำให้เกิดควันสีดำขโมงพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าเหนือทั่วท้องบริเวณ”
ด้านโฆษกของกลุ่มกบฏฮูตีได้ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีของซาอุฯ ว่า เป็น การกระทำที่ป่าเถื่อน ซึ่ง โมฮัมเหม็ด อับดุล-ซาเลม (Mohammed Abdul-Salam) โฆษกของกลุ่มกบฏฮูตีได้กล่าวผ่านการรายงานของสำนักข่าวซาบาของเยเมน ว่า “ความรุนแรงยังคงดำเนินต่อไปในเหตุการณ์ป่าเถื่อนที่เหนือความคาดหมาย จากการสนับสนุนทางอ้อมจากนานาชาติที่นำไปสู่ระดับความร่วมมือทางตรง”
แต่อย่างไรก็ตาม ซาอุฯซึ่งเป็นชาติผู้นำกองกำลังชาติพันธมิตรขับไล่กบฏฮูตีภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีเยเมน อาลี อับดุลเลาะห์ เซเลห์ ในเยเมนได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธ โดยอ้างว่า “ไม่มีปฏิบัติการเกิดขึ้นในบริเวณที่ถูกโจมตี” สำนักข่าวทาสส์ สื่อรัสเซียรายงาน
บีบีซีรายงานเพิ่มเติมในวันนี้ (9 ต.ค.) เจมี แม็คโกลดริค (Jamie McGoldrick) ตัวแทนด้านบรรเทาทุกข์สหประชาชาติประจำเยเมนได้ออกมาประณามการโจมตีพิธีศพกบฏฮูตี ว่า “เป็นการโจมตีอย่างป่าเถื่อน” ในขณะที่สหรัฐฯประกาศจะเริ่มต้นการพิจารณาความร่วมมือทันที หลังจากก่อนหน้านี้ ทางสหรัฐฯได้ลดการสนับสนุนกองกำลังชาติพันธมิตรที่มีซาอุฯเป็นแกนนำ
โดยโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯประจำทำเนียบขาว เน็ด ไพรซ์ (Ned Price) ได้ออกแถลงการณ์ว่า “ความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯและซาอุฯไม่ใช่การให้เช็คเปล่า”
และยังกล่าวต่อว่า วอชิงตันเตรียมพร้อมที่จะปรับระดับการสนับสนุนเพื่อให้สอดคล้องไปกับหลักการณ์ คุณค่า และผลประโยชน์ของอเมริกา รวมไปถึงต้องประสบความสำเร็จที่จะทำให้เกิดการยุติสงครามกลางเมืองเยเมนอย่างทันที และถาวร
ทั้งนี้ บีบีซีรายงานว่า ซาอุฯให้การสนับสนุนรัฐบาลเยเมนของ อับดุล รับบูห์ มานซูร์ ฮาดี ที่ประชาคมโลกให้การรับรอง
