รอยเตอร์ - ออสเตรเลียและสหรัฐฯ เห็นพ้องที่จะร่วมกันรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการคงอยู่ของกองทัพสหรัฐฯ ในตอนเหนือเขตร้อนของออสเตรเลีย ส่วนสำคัญของนโยบายปักหมุดเอเชียของประธานาธิบดีบารัค โอบามา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของแดนจิงโจ้ มาไรซ์ เพย์น กล่าวในวันนี้ (6 ต.ค.)
แผนการเพิ่มจำนวนนาวิกโยธินสหรัฐฯ ในเมืองดาร์วินทางตอนเหนือจาก 1,250 คนในปัจจุบันเป็นอีกเท่าตัวภายในปี 2020 เป้าหมายที่ถูกเลื่อนเมื่อช่วงก่อนหน้าในปีนี้จากปี 2017 ตามแผนเดิม
ออสเตรเลียและสหรัฐฯ ลงนาม “ข้อตกลงการจัดวางกำลัง” ในปี 2014 เพื่อสนับสนุนการฝึกซ้อมร่วมและการประจำการกองทัพเรือและกองทัพอากาศ จนถึงตอนนี้ค่าใช้จ่ายด้านปฏิบัติการยังคงถูกแบ่งสรรตามวัตถุประสงค์เฉพาะหน้าขณะที่การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานถูกระงับ
เมื่อเดือนมีนาคมพวกเขาหารือกันเกี่ยวกับการประจำการเครื่องบินทั้งระเบิดระยะไกลบี-1 ของสหรัฐฯ ในเมืองดาร์วินเพื่อเสริมสร้างการแสดงตนทางทหารของสหรัฐฯ ใกล้ทะเลจีนใต้ เมืองดาร์วินอยู่ใกล้กับอินโดนีเซียมากกว่ากรุงแคนเบอร์รา เมืองหลวงของออสเตรเลีย
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกเดินหมากระหว่างพันธมิตรที่สำคัญที่สุดอย่างสหรัฐฯ และหุ้นส่วนทางการค้ารายใหญ่ที่สุดอย่างจีนในเขตพิพาทนี้ ออสเตรเลียกลับถูกว่ากล่าวจากทั้งสองมหาอำนาจ โดยจีนวิพากษ์วิจารณ์การบินเพื่อแสดงเสรีภาพในการเดินเรือของออสเตรเลียในพื้นที่นี้ขณะที่ทหารอาวุโสของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ออสเตรเลียทำมากกว่านี้
ในวันนี้ (6) เพย์นกล่าวในถ้อยแถลงว่า การสนับสนุนนาวิกโยธินในเมืองดาร์วิน “สอดคล้องผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ที่มีมาเนิ่นนานของออสเตรเลียในการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ในภูมิภาคของเราในลักษณะที่ส่งเสริมความมั่งคงและเสถียรภาพในภูมิภาค”
ทั้งสองประเทศจะร่วมกันรับผิดชอบค่าใช้จ่ายกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในภาคเหนือของแดนจิงโจ้และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประจำการของกองทัพสหรัฐฯ ที่อยู่มานานถึง 25 ปี
มีการวางแผนการสำหรับการฝึกซ้อมร่วมที่อาจรวมถึงหุ้นส่วนรายอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
กระทรวงกลาโหมแดนจิงโจ้ปฏิเสธที่จะแสดงการวิเคราะห์ข้อตกลงร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้หรือให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าจะมีการเพิ่มทหารอย่างไรและเมื่อใด
ในตอนนี้ยังไม่มีความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อตกลงร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงการร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายกับพันธมิตรของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ โดยระบุว่าประเทศอย่างเช่นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ควรจ่ายเพื่อความมั่นคงของประเทศพวกเขาเองมากกว่านี้