เอเจนซีส์ - เวิลด์แบงก์มั่นใจเศรษฐกิจเอเชียปลอดภัยจาก “เบร็กซิต” ประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของภูมิภาคนี้ ชี้ประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขงจะมีอัตราขยายตัวสูงสุดในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยไทยอาจโตช้ากว่าเพื่อนบ้าน กระนั้นธนาคารโลกคาดหมายว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวถึง 3.3% ในปี 2018 จากการเพิ่มการลงทุนสาธารณะ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นคืน และการขยายตัวต่อเนื่องในภาคบริการ
ชูเดียร์ เช็ตตี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ภูมิภาคเอเชียของธนาคารโลก แถลงเปิดตัวรายงานเวิลด์แบงก์ว่าด้วยสภาวะเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกฉบับล่าสุดเมื่อวันพุธ (5 ต.ค.) ว่า การปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ของภูมิภาคนี้มีขึ้นหลังจากธนาคารโลกพบว่า การลงประชามติถอนตัวจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน กลับส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนในเอเชียมีเสถียรภาพขึ้น รวมทั้งมีเงินทุนไหลเข้าเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ตลาดโลกควงสว่านทันทีหลังผลการลงประชามติดังกล่าว เนื่องจากดีลเลอร์กลัวว่าภาวะถดถอยในอังกฤษอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ทว่า นับจากนั้นตลาดโลกก็วิ่งฉิว และเศรษฐกิจเมืองผู้ดีฟื้นตัว
เช็ตตี้ซึ่งแถลงจากกรุงวอชิงตันผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่สิงคโปร์คราวนี้ กล่าวเสริมว่า จากการวิเคราะห์เบื้องต้น ขณะนี้สรุปได้ว่า “เบร็กซิต” มีแนวโน้มน้อยมากที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกในระยะสั้น เนื่องจากภูมิภาคนี้ไม่ได้มีความเชื่อมโยงทางการค้าและการเงินกับอังกฤษมากนัก
ในรายงานเวิลด์แบงก์ฉบับล่าสุดนี้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของบรรดาประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะขยายตัว 5.8% ในปีนี้ หรือขยับขึ้น 0.1% จากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน และมีแนวโน้มขยายตัว 5.7% ในปีหน้าและในปี 2018
อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกเตือนว่า การขึ้นดอกเบี้ยในอเมริกาซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม รวมถึงแนวโน้มการชะลอตัวรุนแรงในจีน อาจส่งผลต่อการคาดการณ์ของธนาคาร
รายงานคงเป้าหมายการเติบโตของจีนในปีนี้และปีหน้าอยู่ที่ 6.7% และ 6.5% ตามลำดับ แต่ลดตัวเลขคาดการณ์สำหรับปี 2018 ลง 0.2% อยู่ที่ 6.3%
สำหรับพม่าที่เดินหน้าสู่เส้นทางประชาธิปไตยหลังอยู่ใต้การปกครองของระบอบทหารหลายสิบปีนั้น มีแนวโน้มขยายตัวถึง 7.8% ในปีนี้, 8.4% ในปีหน้า และ 8.3% ในปี 2018 หลังจากเติบโตในอัตรากว่า 8% ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ในส่วนของประเทศไทย แม้รายงานของธนาคารโลกตั้งข้อสังเกตว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัวเกินคาดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ทว่า การฟื้นตัวในลักษณะที่ครอบคลุมและแบบพึ่งพาตัวเองได้นั้นยังคงไม่มั่นคงนัก
เวิลด์แบงก์คาดว่า อัตราเติบโตของไทยซึ่งอยู่ที่ 2.8% ในปีที่แล้ว จะสามารถขยับขึ้นไปที่ 3.1% ทั้งในปีนี้และปีหน้า ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มจากที่เคยทำนายไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะทำได้ 2.5% และ 2.6% ตามลำดับ ไม่เพียงเท่านั้น ธนาคารโลกคาดการณ์ต่อไปว่า ไทยจะเติบโตในอัตรา 3.3%ในปี 2018 ทั้งนี้เป็นผลจากการเพิ่มการลงทุนสาธารณะ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น และการขยายตัวต่อเนื่องในภาคบริการ ซึ่งรวมถึงการท่องเที่ยว
รายงานของธนาคารโลกนี้ นำออกเผยแพร่ 1 วันหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้เปิดตัวรายงาน “ทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลก” ฉบับล่าสุดของตน ซึ่งยังคงตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกเอาไว้เท่ากับก่อนหน้านี้ นั่นคือ 3.1% สำหรับปี 2016 และ 3.4% สำหรับปี 2017 แต่ขณะเดียวกันก็กล่าวเตือนว่า การที่เศรษฐกิจโลกเติบโตค่อนข้างน้อยอย่างต่อเนื่อง กำลังกลายเป็นเชื้อเพลิงทำให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกแบบประชานิยมที่ต่อต้านการค้าและการอพยพเพิ่มมากขึ้นอีก และนี่ก็จะส่งผลในทางลดทอนกิจกรรม, ผลิตภาพ และนวัตกรรม