เอเจนซีส์ - การระดมโจมตีทางอากาศอย่างไม่หยุดหย่อนของทัพรัสเซียและทัพซีเรีย ต่อพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองอะเลปโป ส่งผลให้โรงพยาบาลสามแห่งที่เหลืออยู่ของเมืองนี้เสียหายราบคาบ ขณะเดียวกัน รัสเซียได้เตือนอเมริกาว่า การพยายามขัดขวางการโจมตี เพราะรังแต่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคนที่น่าตื่นตระหนกในตะวันออกกลาง
การโจมตีของรัสเซียพุ่งเป้าพื้นที่ 5 จุดในเมืองอะเลปโป ที่ครึ่งหนึ่งถูกกบฏยึดครองอยู่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีภาคพื้นดินของกองกำลังชีอะห์ที่เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลซีเรีย นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่า เฮลิคอปเตอร์ของซีเรียเป็นผู้โจมตีโรงพยาบาล “เอ็ม 10” ทำให้พลเมืองที่ยังติดค้างอยู่ทางตะวันออกของเมือง หมดโอกาสเข้าถึงระบบสาธารณสุข
ช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว ศูนย์ฉุกเฉินสองแห่งและศูนย์ผดุงครรภ์ที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวเพิ่งถูกถล่มจากเครื่องบินรบ ส่งผลให้อเมริกาออกมาตอบโต้ทางการทูตอย่างรุนแรง รวมทั้งกล่าวเป็นนัยว่า วอชิงตันกำลังพิจารณาตัวเลือกต่าง ๆ ในการปลดชนวนวิกฤตมนุษยธรรมร้ายแรงที่เสื่อมถอยลงทุกขณะในซีเรีย
อะเลปโปถูกโจมตีรุนแรงขึ้นนับจากที่ข้อตกลงหยุดยิงที่รัสเซียและอเมริกาผลักดันล่มลง หลังจากมีผลไม่ทันถึงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเกือบจะทันทีหลังจากนั้น ก็มีรายงานว่า เครื่องบินรบของรัสเซียและเฮลิคอปเตอร์ของซีเรีย ได้โจมตีและทำลายขบวนรถลำเลียงสิ่งบรรเทาทุกข์ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่พื้นที่ยึดครองของกบฏ
อเมริกาและยุโรปกล่าวหารัสเซีย ว่า ละเมิดกฎหมายสากลอย่างชัดเจน ขณะที่การหารือทางโทรศัพท์ตลอดสามวันระหว่าง จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ ไม่สามารถชะลอการนองเลือดได้
บันทึกการพูดคุยระหว่างเคร์รีกับเจ้าหน้าที่ซีเรียในนิวยอร์กเมื่อสัปดาห์ก่อนที่รั่วไหลออกมา ตอกย้ำความแตกแยกระหว่างผู้นำในอเมริกา เกี่ยวกับวิธีปลดชนวนความขัดแย้ง โดยเฉพาะเรื่องวิธีหยุดยั้งการโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเมือง ซึ่งยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทางฝั่งตะวันออกของเมืองอะเลปโป
เป็นที่รู้กันว่า เคร์รี สนับสนุนให้อเมริกามีบทบาทแข็งกร้าวขึ้น ในสงครามกลางเมืองซีเรียที่ยืดเยื้อมากว่า 5 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีการโจมตีพลเรือนกว่า 1,300 คน ด้วยก๊าซพิษในดามัสกัสเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องของเคร์รีถูกขัดขวางจากประธานาธิบดี บารัค โอบามา ที่ย้ำกับเจ้าหน้าที่อาวุโส ว่า ไม่เกิดประโยชน์อันใดที่อเมริกาจะรับบทนำในสงครามนี้
ในบทสนทนาที่มีการบันทึกและถูกหนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทม์ นำออกเผยแพร่ มีเสียงเคร์รีพูดว่า “เรากำลังพยายามดำเนินมาตรการทางการทูต และผมเข้าใจว่า เรื่องนี้รบกวนจิตใจ คุณไม่ได้ขัดเคืองใจมากไปกว่าที่เราเป็นหรอก”
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังกล่าวอีกว่า อเมริกาไม่มีความชอบธรรมทางกฎหมายในการโจมตีระบอบของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ขณะที่รัสเซียได้รับเชิญให้เข้าร่วมความขัดแย้งครั้งนี้ในนามของผู้นำซีเรีย
เมื่อไม่นานมานี้ เคร์รี และเจ้าหน้าที่อาวุโสอื่น ๆ ระบุว่า ความพยายามของอเมริกาในการสกัดกั้นความรุนแรงถูกละเลย พลเมืองและกลุ่มติดอาวุธบางกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกาถูกทอดทิ้งในสภาพที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากการโจมตีของรัสเซียและซีเรีย
ทางด้านโฆษกของกระทรวงต่างประเทศรัสเซียเตือนว่า ผู้ก่อการร้ายทุกกลุ่มพร้อมเข้าแทนที่ หากอเมริกามีท่าทีแข็งกร้าวขึ้น
ความรุนแรงล่าสุดเกิดขึ้นในวาระครบรอบหนึ่งปี ที่รัสเซียเข้าแทรกแซงสงครามกลางเมืองในซีเรีย ซึ่งเคยกระจุกตัวอยู่ที่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย แต่ขณะนี้ลุกลามกลายเป็นสนามรบทั่วประเทศ บทบาทของมอสโกที่ตอนแรกอ้างว่า เพื่อจัดการกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) บัดนี้ดูเหมือนพุ่งเป้าเกือบทั้งหมดไปที่การเผด็จศึกฝ่ายต่อต้านอัสซาด ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงสมาชิกกลุ่มกบฏติดอาวุธและกลุ่มนักรบญิฮาด
ทั้งนี้ กลุ่มติดตามสถานการณ์ระบุว่า มีพลเรือนกว่า 3,000 คนเสียชีวิตจากการโจมตีของรัสเซียและซีเรีย