เอเอฟพี - โบริส จอห์นสัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ออกมาเตือนว่ารัสเซียจะกลายเป็น “รัฐนอกคอก” (pariah state) ที่นานาชาติเมินหน้าหนี พร้อมกล่าวหาว่าเครื่องบินขับไล่แดนหมีขาวล็อกเป้าถล่มอาสาสมัครบรรเทาทุกข์ในซีเรีย ซึ่งเป็นการกระทำที่เข้าข่าย “อาชญากรรมสงคราม”
“พวกเขาทิ้งระเบิดลูกแรกและรอให้อาสาสมัครบรรเทาทุกข์หนีออกมา พลเรือนช่วยกันนำคนเจ็บออกมาจากซากอาคาร จากนั้นอีก 5 นาทีก็ทิ้งระเบิดซ้ำลงไปอีกลูก” จอห์นสัน ซึ่งเป็นอดีตนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะซันของอังกฤษ
เขาอ้างว่ารัฐบาลอังกฤษมีหลักฐานยืนยันว่าเหตุโจมตีลักษณะนี้เป็นฝีมือเครื่องบินขับไล่รัสเซีย และจัดเป็น “อาชญากรรมสงคราม” อย่างไม่มีข้อสงสัย
“เรามีหลักฐาน เรามีเหตุผลหนักแน่นที่ทำให้เชื่อว่ารัสเซียคือผู้ลงมือ... เรากำลังจัดทำเอกสารอย่างละเอียด เพราะในมุมมองของผมมันจัดเป็นอาชญากรรมสงครามอย่างไม่ต้องสงสัย” จอห์นสัน ระบุ
เขาบอกด้วยว่า อังกฤษและสหรัฐฯ กำลังพิจารณาทางเลือกต่างๆ เพื่อกดดันมอสโก
“อาวุธร้ายแรงที่สุดที่เรามีอยู่ คือ การทำให้พวกเขาได้อาย”
“ประชาคมโลกมองรัสเซียในแง่ร้ายมากขึ้นทุกขณะ และทุกคนคงเชื่อเหมือนกันว่า รัสเซียกำลังเสี่ยงที่จะกลายเป็นรัฐนอกคอก... ถ้าพวกเขายังขืนทำตัวเช่นนี้ต่อไป ก็จะต้องสูญเสียความเห็นอกเห็นใจและความชื่นชมจากทั่วโลก ซึ่งผมคิดว่ามอสโกคงจะให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้”
“ท้ายที่สุด หากยุทธศาสตร์ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน คือการสร้างความยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองให้แก่รัสเซีย เขาก็อาจต้องฝันสลาย เพราะคนส่วนใหญ่กำลังดูถูกการกระทำของเขา”
สหรัฐฯ และรัสเซียบรรลุข้อตกลงให้มีการประกาศหยุดยิงระหว่างกองทัพซีเรียกับฝ่ายกบฏ ทว่าการหยุดยิงซึ่งเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 12 ก.ย. กลับพังทลายลงในเวลาแค่ไม่ถึง 1 สัปดาห์
รัสเซียและสหรัฐฯ ต่างกล่าวโทษซึ่งกันและกันว่าเป็นต้นเหตุทำให้ข้อตกลงหยุดยิงล่ม
รัสเซียยังถูกกล่าวหาว่าทิ้งระเบิดปูพรมใส่ฐานที่มั่นของกบฏในจังหวัดอะเลปโปแบบไม่เลือกหน้า เพื่อหนุนหลังให้กองทัพซีเรียสามารถยึดคืนเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศได้
