เอเอฟพี - รัสเซียในวันพฤหัสบดี (29 ก.ย.) เผยจะเดินหน้าถล่มทางอากาศในซีเรียต่อไป เพิกเฉยต่อคำเตือนของสหรัฐฯ ที่ขู่ถอนตัวจากการเจรจากับมอสโกหากยังไม่ระงับโจมตีอะเลปโป ขณะที่สหประชาชาติวิงวอนขออพยพทางการแพทย์ออกจากเมืองที่ถูกสงครามทำลายล้างแห่งนี้
มอสโกกำลังสนับสนุนปฏิบัติการจู่โจมอันดุเดือดของกองกำลังประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ในการบุกยึดพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองอะเลปโปที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏ ซึ่งกระพือคำกล่าวหาว่ากำลังก่ออาชญากรรมสงคราม
สหรัฐฯ ขู่ถอนตัวจากการเจรจาเพิ่มเติมกับรัสเซีย หากว่ายังไม่ระงับการโจมตีอะเลปโป ขณะที่สองชาติมหาอำนาจกำลังฉุนเฉียวกันมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากข้อตกลงหยุดยิงพังครืนลง
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเครมลิน ยืนยันว่า แม้มีโวหารไม่สร้างสรรค์มาจากวอชิงตัน แต่มอสโกยังคงใส่ใจต่อข้อตกลงที่ขาดรุ่งริ่ง และโดยที่สุดแล้วก็หวังเห็่นสหรัฐฯ กับรัสเซียปฏิบติการโจมตีพวกญิฮาดร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวโทษความรุนแรงที่ลุกโชนขึ้นว่าเกิดจากความล้มเหลวของวอชิงตันในการควบคุมกบฏที่กำลังสู้รบในอะเลปโป และยืนกรานว่ากองกำลังซีเรียกำลังต่อกรกับพวกก่อการร้าย “มอสโกจะยังคงปฏิบัติการทางอากาศสนับสนุนความเคลื่อนไหวต่อต้านก่อการร้ายของกองทัพซีเรีย” เขากล่าว
กระนั้น มอสโก ซึ่งปฏิบัติการโจมตีทางอากาศสนับสนุนประธานาธิบดีอัสซาดมานานนับปี กำลังเผชิญเสียงเรียกร้องครั้งใหม่ให้ยับยั้งการนองเลือดในซีเรีย ที่คร่าชีวิตแล้วราว 300,000 ศพ นับตั้งแต่ปี 2011
นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกี ซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับนายอัสซาด กล่าวหลังจากหารือกันทางโทรศัพท์ ว่ารัสเซียต้องรับผิดชอบเป็นพิเศษต่อความพยายามสยบสถานการณ์ความรุนแรงและมอบโอกาสแห่งกระบวนการทางการเมืองในซีเรีย
“การจู่โจมอะเลปโปรอบใหม่โดยรัฐบาลซีเรียภายใต้การสนับสนุนของรัสเซีย ทำพลเรือนต้องประสบชะตากรรมเลวร้ายลงไปอีก” ถ้อยแถลงจากทำเนียบนายกรัฐมตรีเยอรมนีระบุ
ในสัญญาณแห่งความทุกข์ทรมานในทางภาคพื้นภายในดินแดนทางตะวันออกของอะเลปโปที่ถูกปิดล้อม ทางสหประชาชาติเตือนในวันพฤหัสบดี (29 ก.ย.) ว่าบางทีอาจมีประชาชนหลายร้อยคนจำเป็นต้องได้รับการอพยพทางการแพทย์
“สถานการณ์ทางการแพทย์ในทางตะวันออกของอะเลปโปน่ากังวลอย่างยิ่งและจำเป็นต้องได้รับการจัดการ” นายแรมซีย์ เอซเซลดีน แรมซีย์ ผู้ช่วยทูตสหประชาชาติด้านซีเรีย บอกกับผู้สื่อข่าวในเจนีวา “การทิ้งระเบิดต้องหยุด พลเรือนควรได้รับการปกป้อง และต้องฟื้นฟูข้อตกลงยุติความเป็นปกปักษ์ใดๆ” เขากล่าว
ความเห็นของเขามีขึ้น 1 วันหลังจาก 2 โรงพยาบาลใหญ่สุดในทางตะวันออกของเมืองถูกทิ้งบอมบ์ ซึ่งกระตุ้นให้นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ประณามการโจมตีดังกล่าวว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม
พลเมืองหลายสิบคนถูกสังหาร อาคารบ้านเรือนเหลือแต่ซากหักพัง และชาวบ้านทางตะวันออกของอะเลปโปกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนสิ่งของอุปโภคบริโภคอย่างรุนแรง ขณะที่องค์กรยูนิเซฟระบุว่านับตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้วมีเด็กอย่างน้อย 96 รายเสียชีวิต และบาดเจ็บ 223 คน ในทางตะวันออกของอะเลปโป