เอเอฟพี - การโจมตีทางอากาศอย่างหนักของซีเรียและรัสเซียในพื้นที่ของฝ่ายกบฏทางตะวันออกของเมืองอะเลปโปคร่าชีวิตพลเรือนแล้ว 25 รายในวันนี้ (24 ก.ย.) กลุ่มสังเกตการณ์ระบุ สร้างภาระหนักให้แก่แพทย์และเจ้าหน้าที่กู้ภัย
ยอดผู้เสียชีวิตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากประชาชนยังคงติดอยู่ใต้เศษซากอิฐปูน กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights) ซึ่งมีฐานในอังกฤษระบุ
การโจมตีอย่างรุนแรงนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นคืนที่สอง หลังจากที่ดามัสกัสประกาศปฏิบัติการยึดคืนเมืองนี้ทั้งเมืองเมื่อค่ำวันพฤหัสบดี (22)
พลเรือน 7 คนถูกสังหารในโจมตีที่ย่านบุสตันอัล-กัสร์ในขณะที่พวกเขากำลังต่อคิวซื้อโยเกิร์ตที่ตลาดแห่งหนึ่ง
ย่านบุสตันอัล-กัสร์ตั้งอยู่ขนานแนวหน้าที่แบ่งแยกพื้นที่ตะวันตกของรัฐบาลออกจากพื้นที่ฝั่งตะวันออกของฝ่ายกบฏ
การโจมตีดังกล่าวทิ้งไว้ซึ่งกองเลือดและอวัยวะกระจัดกระจายในพื้นที่ ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีระบุ
เมื่อวันศุกร์ (23) คนอย่างน้อย 47 คนเสียชีวิตในการระเบิดครั้งใหญ่ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 7 คน ทั้งนี้อ้างจากกลุ่มสังเกตการณ์ฯ
ชุมชน 7 แห่งได้รับความเสียหายใหญ่หลวงรวมถึงชุมชนอัล-คัลอัสซา และบุสตันอัล-กัสร์ซึ่งถนนบางเส้นหายไปเกือบหมดจากการทิ้งระเบิด
จรวดที่ไม่ระเบิดยังคงฝังอยู่ในถนนในบางพื้นที่ และมีหลุมกระทะขนาดมหึมาราว 5x5 เมตรเกิดขึ้นหลายหลุดจากการทิ้งระเบิด
ผู้อยู่อาศัยและนักเคลื่อนไหวอธิบายถึงการใช้ขีปนาวุธลูกหนึ่งว่าทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนคล้ายแผ่นดินไหวและทำให้ทำลายอาคารหลายแห่งจนถึงชั้นไต้ดินซึ่งผู้อยู่อาศัยจำนวนมากใช้เป็นที่หลบภัยในระหว่างการทิ้งระเบิด
องค์กรป้องกันพลเรือนที่รู้จักกันในชื่อ White Helmets เผชิญกับภาระหนักหน่วงจากขนาดของความเสียหายโดยเฉพาะหลังจากที่มันของพวกเขาหลายแห่งได้รับความเสียกายในการทิ้งระเบิดเมื่อวันศุกร์ (23)
White Helmets ระบุว่า พวกเขามีรถดับเพลิงเหลือเพียง 2 คันสำหรับเมืองอะเลปโปฝั่งตะวันออกทั้งหมดซึ่งกำลังพยายามวิ่งรอบเมืองนี้ เช่นเดียวกับรถพยาบาลของพวกเขา
เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าและเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ถนนในเมืองอะเลปโปจึงมืดสนิทและยากที่จะหาเส้นทางในตอนกลางคืน และการขาดแคลนพลังงานยังทำให้การจุคนในรถให้เต็มเป็นเรื่องยาก
เศษอิฐปูนที่กระจัดกระจายทั่วถนนในหลายพื้นที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถผ่านไปได้และทำให้หลายชุมชนตัดขาดจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง
เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ (24) ถนนหลายเส้นแทบจะว่างเปล่า มีเพียงผู้อยู่อาศัยไม่กี่คนที่ออกมาหาอาหาร
ประชาชนราว 250,000 คนในพื้นที่ตะวันออกของอะเลปโปตกอยู่ภายใต้การปิดล้อมมาตั้งแต่ทหารรัฐบาลโอบล้อมพื้นที่นี้ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม
เมื่อช่วงก่อนหน้าในเดือนนี้ข้อตกลงหยุดยิงที่มีมอสโกและวอชิงตันเป็นคนกลางทำให้ความรุนแรงหยุดลงเป็นเวลา 2-3 วัน แม้ว่าจะไม่มีความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงได้พังลงและเมื่อวันพฤหัสบดี (22) กองทัพซีเรียประกาศปฏิบัติการยึดคืนเมืองอะเลปโปทั้งหมดและเรียกร้องให้พลเรือนในพื้นที่ตะวันออกปลีกตัวจาก “ผู้ก่อการร้าย” และให้สัญญาพวกเขาจะสามารถเดินทางไปยังพื้นที่ของฝ่ายรัฐบาลได้อย่างปลอดภัย