เอเจนซีส์ / MGR online - รัฐบาลอินเดียประกาศจะซื้อน้ำมันดิบจากไนจีเรียเพิ่มมากขึ้น พร้อมให้คำมั่นจะลงทุน 5,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 173,500 ล้านบาท) ในเศรษฐกิจของไนจีเรีย ที่ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา
รองประธานาธิบดีโมฮัมหมัด อันซารี แห่งอินเดีย เป็นผู้เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวระหว่างการเดินทางเยือนกรุงอบูจา เมืองหลวงของไนจีเรีย เพื่อเข้าพบหารือกับประธานาธิบดีมูฮัมมาดู บูฮารี ผู้นำไนจีเรีย
รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลอินเดียและไนจีเรียใกล้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในความร่วมมือด้านนี้ และคาดว่าการลงนามในข้อตกลงฉบับนี้โดยผู้แทนรัฐบาลของทั้งสองประเทศ อาจเกิดขึ้นได้ภายในสิ้นปี 2016 นี้
ด้านประธานาธิบดีมูฮัมมาดู บูฮารี ผู้นำไนจีเรีย ออกมายืนยันว่าจะเดินหน้าขยายความร่วมมือด้านต่างๆ กับอินเดียต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งความร่วมมือด้านสุขภาพ การศึกษา การเกษตร การค้า และความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยี
ข่าวการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและไนจีเรียล่าสุดเกิดขึ้นท่ามกลางภาวะเปราะบางด้านความมั่นคงในไนจีเรีย โดยเฉพาะจากผลพวงการเคลื่อนไหวขอกลุ่มติดอาวุธสำคัญในพื้นที่แหล่งผลิตน้ำมันทางตอนใต้ของประเทศ
ก่อนหน้านี้ กลุ่มติดอาวุธ ไนเจอร์ เดลตา อเวนเจอร์ส (เอ็นดีเอ) ประกาศเมื่อวันที่ 20 ส.ค. ผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง ระบุว่าขอหยุดยิงแบบฝ่ายเดียวกับรัฐบาลกลางไนจีเรีย ระบุพร้อมให้การสนับสนุนแนวคิดในการร่วมโต๊ะเจรจากับฝ่ายรัฐบาล
อย่างไรก็ดี คำแถลงผ่านเว็บไซต์ของกลุ่มติดอาวุธ ไนเจอร์ เดลตา อเวนเจอร์ส (เอ็นดีเอ) เมื่อ 20 ส.ค. ได้ระบุเงื่อนไขว่านักรบของกลุ่มจะหันไปจับอาวุธอีกครั้ง หากฝ่ายรัฐบาลกลางไนจีเรียไม่ตอบสนองต่อข้อเสนอของฝ่ายตน และยังคงเดินหน้าการจับกุมและการกดขี่รังแกประชาชนในพื้นที่ต่อไป
ก่อนหน้านั้นเพียง 2 วัน ทางกลุ่มติดอาวุธ ไนเจอร์ เดลตา อเวนเจอร์ส ออกโรงขู่เมื่อ 18 ส.ค.ว่าจะเดินหน้าปลดแอกแยกดินแดนซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ ออกจากการปกครองของไนจีเรียในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
คำแถลงของกลุ่มติดอาวุธดังกล่าว ประณามการปกครองของรัฐบาลไนจีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีมูฮัมมาดูบูฮารีว่าเป็นต้นตอสำคัญที่ผลักดันให้เกิดความแตกแยกของประเทศและว่า ประชาชนในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ไม่ต้องการอยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ “รัฐที่ล้มเหลว” อย่างไนจีเรียอีกต่อไป
คำแถลงของกลุ่มไนเจอร์ เดลตา อเวนเจอร์สระบุด้วยว่าการแยกตัวเป็นเอกราชของฝ่ายตนจะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคมปีนี้ ซึ่งก็เป็นวันเดียวกับวันคล้ายวันครบรอบการเป็นเอกราชของไนจีเรีย ที่หลุดพ้นจากการปกครองของสหราชอาณาจักรเมื่อปี ค.ศ. 1960
ความเคลื่อนไหวล่าสุดในการประกาศเดินหน้าแยกตัวเป็นเอกราชในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่กลุ่มติดอาวุธไนเจอร์ เดลตา อเวนเจอร์ส เปิดฉากโจมตีโรงกลั่นและท่อส่งน้ำมันในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้เป็นต้นมา โดยการโจมตีที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหาย แก่อุตสาหกรรมน้ำมันของไนจีเรีย อย่างใหญ่หลวง จนกำลังการผลิตน้ำมันของประเทศ หดหายไปกว่า 1 ใน 3 จากที่เคยผลิตได้สูงถึงวันละ 2.1 ล้านบาร์เรลเมื่อต้นปี 2016 เช่นเดียวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการลงทุนของบริษัทพลังงานต่างชาติในไนจีเรีย ที่รวมถึงบริษัทพลังงานชื่อดังอย่าง เชลล์, แอ็กซอน, เชฟรอน และเอนิ
ทั้งนี้ รายได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันมีสัดส่วนสูงถึง70 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ของรัฐบาลไนจีเรีย ขณะที่กลุ่มติดอาวุธไนเจอร์ เดลตา อเวนเจอร์ส ระบุว่า สาเหตุที่พวกตนต้องจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลไนจีเรีย และต้องการแยกตัวเป็นเอกราชนั้นเป็นเพราะไม่พอใจที่ประชาชนในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ ไม่ได้รับส่วนแบ่งการพัฒนาที่เท่าเทียมกับพื้นที่ส่วนอื่นๆของไนจีเรียทั้งที่พื้นที่ของตนเป็นแหล่งน้ำมันที่นำรายได้เข้าประเทศมหาศาล