เอเจนซีส์ / MGR online - เกิดเหตุกลุ่มมือปืนบุกลักพาตัวคนงานบริษัทน้ำมันจำนวน 15 ราย จากพื้นที่รัฐริเวอร์สทางตอนใต้ของไนจีเรีย ที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันสำคัญของประเทศ
รายงานข่าวในวันเสาร์ (3 ก.ย.) ซึ่งอ้างโฆษกตำรวจไนจีเรีย ระบุว่า คนงานทั้ง 15 ราย รวมทั้งคนขับรถของพวกเขาทำงานให้กับบริษัทน้ำมันท้องถิ่นอย่าง “Nestoil” ที่มีฐานอยู่ในรัฐริเวอร์ส โดยทั้งหมดถูกลักพาตัวไปตั้งแต่คืนวันศุกร์ (2 ก.ย.) ขณะเดินทางอยู่บนถนนสาย “โอโมกู-เอเลเล” เพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงกลั่นน้ำมันที่ตั้งอยู่ในเมืองพอร์ตฮาคอร์ท
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รัฐริเวอร์ส ระบุ พวกเขาเร่งระดมกำลังติดตามไล่ล่ากลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุลักพาตัวคนงานบริษัทน้ำมันในครั้งนี้อย่างไม่ลดละ และว่าในเบื้องต้น พวกเขาพบรถบัสที่กลุ่มคนงานใช้โดยสาร ถูกนำไปจอดทิ้งไว้ในจุดที่อยู่ไม่ไกลมากนักจากจุดที่มีการลักพาตัว ท่ามกลางการคาดหมายว่า กลุ่มติดอาวุธ ไนเจอร์ เดลตา อเวนเจอร์ส (เอ็นดีเอ) จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวในครั้งนี้
ก่อนหน้านี้ กลุ่มติดอาวุธ ไนเจอร์ เดลตา อเวนเจอร์ส (เอ็นดีเอ) ออกโรงขู่ในวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า จะเดินหน้าปลดแอกแยกดินแดนซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันบริเวณ “สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์” ออกจากการปกครองของไนจีเรียในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
คำแถลงของกลุ่มติดอาวุธดังกล่าว ประณามการปกครองของรัฐบาลไนจีเรียภาย ใต้การนำของประธานาธิบดี มูฮัมมาดู บูฮารี ว่า เป็นต้นตอสำคัญที่ผลักดันให้เกิดความแตกแยกของประเทศ และว่า ประชาชนในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ไม่ต้องการอยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ “รัฐที่ล้มเหลว” อย่างไนจีเรียอีกต่อไป
คำแถลงของกลุ่มไนเจอร์ เดลตา อเวนเจอร์ส ระบุด้วยว่า การแยกตัวเป็นเอกราชของฝ่ายตนจะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม ปีนี้ ซึ่งก็เป็นวันเดียวกับวันคล้ายวันครบรอบการเป็นเอกราชของไนจีเรียที่หลุดพ้น จากการปกครองของสหราชอาณาจักรเมื่อปี ค.ศ. 1960
ความเคลื่อนไหวล่าสุดในการประกาศเดินหน้าแยกตัวเป็นเอกราชในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่กลุ่มติดอาวุธไนเจอร์ เดลตา อเวนเจอร์ส เปิดฉากโจมตีโรงกลั่นและท่อส่งน้ำมันในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้เป็นต้นมา โดยการโจมตีที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายแก่อุตสาหกรรมน้ำมันของไนจีเรีย อย่างใหญ่หลวง จนกำลังการผลิตน้ำมันของประเทศหดหายไปกว่า 1 ใน 3 เช่นเดียวกับความเสียหายที่เกิดขึ้น กับการลงทุนของบริษัทพลังงานต่างชาติในไนจีเรีย ที่รวมถึงบริษัท เชลล์, เอ็กซอน, เชฟรอน และ เอนิ
ทั้งนี้ รายได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันมีสัดส่วนสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ของรัฐบาลไนจีเรีย ขณะที่กลุ่มติดอาวุธไนเจอร์ เดลตา อเวนเจอร์ส ระบุว่า สาเหตุที่พวกตนต้องจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลไนจีเรีย และต้องการแยกตัวเป็นเอกราชนั้น เป็นเพราะไม่พอใจที่ประชาชนในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ไม่ได้รับส่วนแบ่งการพัฒนาที่เท่าเทียมกับพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของไนจีเรีย ทั้งที่พื้นที่ของตนเป็นแหล่งน้ำมันที่นำรายได้เข้าประเทศมหาศาล
ก่อนหน้านี้ กลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ประกาศเมื่อ 8 มิ.ย. ปฏิเสธข้อเสนอในการเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลไนจีเรีย เพื่อยุติเหตุโจมตีต่อเนื่องต่ออุตสาหกรรมน้ำมันในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ ที่เป็นแหล่งน้ำมันสำคัญทางตอนใต้ของไนจีเรีย พร้อมกับการก่อเหตุโจมตีครั้งใหม่ ด้วยการบุกเผาบ่อน้ำมันของบริษัทดังอย่าง “เชฟรอน” ที่อยู่ในพื้นที่
เหตุโจมตีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ในพื้นที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบอย่างเลวร้ายให้กำลังการผลิตน้ำมันของไนจีเรีย ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของทวีปแอฟริกา ได้ปรับลดลงสู่ระดับที่ต่ำเตี้ยที่สุดในรอบ 20 ปี
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของไนจีเรีย เผยว่า รัฐบาลไนจีเรียจะเริ่มการเจรจากับกลุ่มติดอาวุธไนเจอร์ เดลตา อเวนเจอร์ส ในไม่ช้า เพื่อยุติการก่อเหตุโจมตีที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของประเทศ
อย่างไรก็ดี ทางกลุ่มติดอาวุธดังกล่าวได้ปฏิเสธข้อเสนอในการเจรจากับรัฐบาลไนจีเรีย ถึงแม้จะเป็นการออกโรงปฏิเสธผ่านทาง “ทวิตเตอร์” ก็ตาม
นอกเหนือจากการปฏิเสธไม่ขอเข้าร่วมในกระบวนการเจรจาสันติภาพกับฝ่ายรัฐบาลไนจีเรียแล้ว กลุ่มติดอาวุธดังกล่าวยังเผยด้วยว่า สมาชิกของตนอยู่เบื้องหลังการเผาบ่อน้ำมัน “RMP 20” ของบริษัท เชฟรอน ที่ตั้งอยู่ในเขตวาร์ริ ของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน หลังจากที่เคยก่อเหตุโจมตีในลักษณะที่คล้ายคลึงกันต่อบ่อน้ำมันของบริษัทต่างชาติ ทั้งบริษัท เชลล์ และ ENI มาแล้ว