รอยเตอร์ - นักเคลื่อนไหวกลุ่มกรีนพีซแฉอุบัติเหตุสารเคมีรั่วไหลที่เกิดขึ้น 232 ครั้งในจีน ระหว่างเดือน ม.ค.-ส.ค.ปีนี้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 199 ราย บาดเจ็บอีกราว 400 คน
หน่วยงานเอ็นจีโอเพื่อสิ่งแวดล้อมแห่งนี้ระบุว่า จีนจำเป็นต้อง “ยกเครื่อง” วิธีบริหารจัดการอุตสาหกรรมเคมีในประเทศซึ่งทุกวันนี้ยัง “ขาดกฎหมายควบคุมดูแลอย่างน่าเป็นห่วง”
“รัฐบาลจีนต้องมีมาตรการตอบสนองอย่างเร่งด่วนเพื่อจัดการสารเคมีอย่างถูกต้องเหมาะสม มีระบบตาข่ายความปลอดภัย (safety net) สำหรับแรงงานและประชาชน ตลอดจนปกป้องพื้นที่ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศทั่วประเทศ” เจิ้ง เฉียน (Cheng Qian) นักเคลื่อนไหวจากกรีนพีซ ระบุ
ข้อมูลที่เผยแพร่ต่อสาธารณะช่วงปี 2010-2011 ระบุว่า โรงงานสารเคมี 33,625 แห่งในจีนล้วนกระจุกตัวอยู่บริเวณชายฝั่งตะวันออก ซึ่งมีประชากรหนาแน่น
กรีนพีซยังเรียกร้องให้ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเคมีอย่างโปร่งใส
รัฐบาลจีนพยายามบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการจัดหา ผลิต กักเก็บ และทำลายสารเคมีอันตราย ทว่ายังคงมีเสียงร้องเรียนจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่เตือนว่ากฎระเบียบซึ่งออกเมื่อช่วงปลายปี 2011 นั้นไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องแก้ไขให้มีความเข้มงวดรัดกุมยิ่งขึ้น
เหตุระเบิดรุนแรงที่โกดังเก็บสารเคมีในนิคมอุตสาหกรรมเทียนจินเมื่อปีที่แล้วทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 165 ราย ซึ่งรัฐบาลจีนก็ยอมรับว่า มีการนำสารเคมีอันตรายจำนวนมากเกินกว่าที่กฎหมายอนุญาตไปเก็บไว้ที่โกดังแห่งนี้
ทางการจีนจับกุมผู้ต้องสงสัย 49 คนที่พัวพันกับเหตุระเบิดที่เทียนจิน รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งกำกับดูแลท่าเรือและความปลอดภัย โดยอ้างว่าคนเหล่านี้จงใจฝ่าฝืนกฎหมาย ขณะที่บริษัท เทียนจิน รุ่ยไห่ อินเตอร์เนชันแนล ลอจิสติกส์ ซึ่งเป็นเจ้าของโกดังที่เกิดการระเบิดขึ้นก็ถูกดำเนินคดีฐานจัดการสารเคมีพิษโดยไม่มีใบอนุญาต