รอยเตอร์ - เจ้าชายคาเลด อัล-ไฟซาล (Khaled al-Faisal) แห่งราชวงศ์ซาอุฯ และผู้ว่าการเขตการปกครองนครเมกกะ ทรงออกแถลงการณ์ตอบโต้อิหร่าน ถึงการตำหนิในการจัดการพิธีฮัจญ์ของแดนเศรษฐีน้ำมัน โดยทรงร้องขอให้เตหะรานหยุด “ทัศนะที่ผิดพลาดต่ออาหรับ” และยังทรงประกาศว่า “ความพยายามใด ๆ ในการใช้กำลังจะถือเป็นศัตรูต่อราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย”
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (15 ก.ย.) เจ้าผู้ครองนครเมกกะ เจ้าชายคาเลด อัล-ไฟซาล (Khaled al-Faisal) แห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ทรงออกแถลงการณ์ล่าสุดที่ทางรอยเตอร์ชี้ว่า เป็นการอ้างอิงไปถึงอิหร่าน และในแถลงการณ์ยังระบุว่า ระเบียบการปฏิบัติในการแสวงบุญพิธีฮัจญ์ในปีนี้เป็นการตอบโต้ต่อคำกล่าวเท็จ และการให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนต่อทางราชอาณาจักรซาอุฯ
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของเจ้าชายคาเลด อัล-ไฟซาล นั้น ถูกรายงานออกมาจากสำนักข่าวทางการซาอุฯ SPA ในช่วงค่ำวานนี้ (14 ก.ย.) หลังจากเกิดสงครามวาทะของชาวอิหร่านนิกายชีอะห์ และชาวซาอุฯนิกายสุหนี่ ถึงเหตุเสียชีวิตจำนวนมากระหว่างการประกอบพิธีฮัจญ์เมื่อ 1 ปีก่อนหน้านี้ ที่มีผู้แสวงบุญจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นชาวอิหร่านเสียชีวิต
SPA รายงานแถลงการณ์ของเจ้าชายคาเลด อัล-ไฟซาล ที่ทรงได้ตรัสกับนักข่าวว่า “ข้าพเจ้าขอสวดภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นใหญ่ให้ทรงช่วยนำทางเหล่าพวกเขา และขัดขวางคนเหล่านั้นจากการประพฤติผิดและทัศนคติที่ผิดพลาดต่อเพื่อนชาวมุสลิมทั้งหลายท่ามกลางอาหรับทั้งในอิรัก ซีเรีย เยเมน และทั่วโลก”
และในแถลงการณ์ของผู้ว่าการเขตการปกครองนครเมกกะ พระองค์ยังทรงกล่าวต่อว่า “แต่ถ้าหากพวกเขาเตรียมกองทัพเพื่อบุกเรา ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียแห่งนี้ไม่ใช่ชาติที่จะถูกโจมตีได้ง่ายจากผู้ประกาศทำสงครามกับเรา” และเจ้าชายคาเลด อัล-ไฟซาล ยังทรงกล่าวอีกว่า “และเมื่อใดที่เราปรารถนา ด้วยการประทานความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า ซาอุดีอาระเบียจะกำราบต่อผู้อหังการ และจะไม่หยุดในการปกป้องแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์และราชอาณาจักรอันเป็นที่รักของพวกเรา ไม่มีใครสามารถทำให้พวกเรามัวหมองได้ตราบเท่าที่พวกเรายังคงอยู่บนพื้นพิภพแห่งนี้”
ทั้งนี้ อิหร่านได้ออกมาตำหนิซาอุฯถึงการขาดความสามารถในการจัดการของแดนเศรษฐีน้ำมันในพิธีฮัจญ์ปี 2015 ที่พบว่า มีผู้แสวงบุญเสียชีวิตจำนวนหลายร้อยคน ซึ่งผู้นำสูงสุดอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ได้ออกมาประกาศในวันที่ 5 กันยายน โดยกล่าวว่า มีชาวอิหร่านบางส่วนที่ต้องเสียชีวิตนั้น “ถูกฆาตกรรมโดยซาอุดีอาระเบีย” และยังกล่าวต่อว่า ชาวมุสลิมทั้งหลายไม่ควรปล่อยให้ผู้ปกครองซาอุฯสามารถหลบหนีจากความรับผิดชอบต่อ “อาชญากรรม” ที่ได้กระทำในความขัดแย้งอาหรับ
