เอเจนซีส์ – สหรัฐฯ ประกาศยืนยันว่า ไม่มีแผนการร่วมปฎิบัติการทางทหารกับอิหร่านเพื่อรบกับกลุ่มมุสลิมติดอาวุธสุหนี่ IS หลังล่าสุดกระแสข่าวลือว่าผู้นำสูงสุดอิหร่าน อยาตอลลาห์ อาลี คาเมเนส่งกองกำลังรบพิเศษร่วมรบกับกองทัพอิรัก และสหรัฐฯ ต่อต้าน IS
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(5)ว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันว่า นอกจากที่สหรัฐฯไม่มีนโยบายร่วมมือกับอิหร่านในปฎิบัติการทางทหารต่อต้าน IS ในอิรักแล้ว สหรัฐฯยังไม่ใช้ข่าวกรองร่วมกับอิหร่าน
ก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวอิหร่านได้เปิดเผยกับบีบีซีว่า ผู้นำสูงสุดของอิหร่านอยาตอลลาห์ อาลี คาเมเนได้ส่งกองกำลังรบพิเศษจำนวนหนึ่งเดินทางมาอิรักเพื่อร่วมปฎิบติการทางทหารกับนานาชาติ รวมถึงอิรัก และสหรัฐฯเพื่อสะกัดการรุกคืบ IS ที่ท้าทายประชาคมโลกอยู่ในขณะนี้
แต่กระทรวงต่างประเทศอิหร่านปฎิเสธรายงานข่าวนี้ว่าไม่มูลแต่อย่างใด ซึ่งอิหร่านโดยปกติต่อต้านการเคลื่อนไหวสหรัฐฯในอิรัก หนึ่งในมิตรประเทศของเตหะราน
“สหรัฐฯไม่มีการร่วมมือทางทหารหรือการข่าวกับอิหร่าน” มารี ฮาร์ฟ (Marie Harf) โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯแถลงปัด และเสริมว่า “แน่นอนที่สุด สหรัฐฯเปิดกว้างในการร่วมมือกับอิหร่านเหมือนดังเช่นในอดีต เช่น ในอัฟกานิสถาน แต่ทางสหรัฐฯจะไม่ออกปฎิบัติภารกิจร่วมภาคสนาม”
ทั้งนี้มีข่าวแพร่สะพัดออกมาจากแหล่งข่าวอิหร่านว่า ผู้นำสูงสุดอิหร่าน อยาตอลลาห์ อาลี คาเมเน สั่งการให้พลเอกคาเซม โซไลมานี (Qasem Soleimani)ผู้บัญชาการหน่วย Quds Force อันเลื่องชื่อของกองกำลังปฎิวัติอิหร่านเพื่อร่วมปฎิบัติการกับกองกำลังชาติต่างๆรวมถึงสหรัฐฯสู้รบกับ IS
ด้าน มาร์ซิเยห์ อัฟความ (Marziyeh Afkham) โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่านให้สัมภาษณ์เพรสทีวี สื่ออิหร่านกล่าววิพากษ์วอชิงตันว่า “อิหร่านเห็นว่าสหรัฐฯเริ่มต้นโจมตี IS ทางอากาศก็ต่อเมื่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯในอิรักถูกโจมตี”
และนอกจากแหล่งข่าวอิหร่านที่ได้เปิดเผยคำสั่งลับของผู้นำสูงสุดแล้ว คริสเตียน อมันปูร์(Christiane Amanpour) จาก CNN ได้ทวีตข้อความสนับสนุนกระแสข่าวว่า
“ประธานาธิบดีอิรักคนล่าสุด ฟูอัด มาซุม ( Fuad Masum) ได้เปิดเผยกับเธอถึงเรื่องนี้ในวันพฤหัสบดี”
นอกจากนี้สื่ออังกฤษได้วิเคราะห์ถึงนโยบายที่เปลี่ยนไปของอิหร่านว่า ความร่วมมือทางทหารล่าสุดของอิหร่านแสดงถึงนโยบายต่างประเทศของเตหะรานที่เปลี่ยนไป
ในปี 2001 อิหร่านร่วมมือกับสหรัฐฯในวิกฤตอัฟกานิสถาน โดยจัดส่งอาวุธและการสนับสนุนให้กับแนวร่วมอิสลามเพื่อการปลดปล่อยอัฟกานิสถาน หรือในชื่อ พันธมิตรฝ่ายเหนือ เพื่อร่วมโค่นล้มรัฐบาลตอลีบานในขณะนั้น และท้ายสุดสามารถโค่นล้มสำเร็จ
ซึ่งคล้ายกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ทุกฝ่ายต้องการหยุดยั้งภัยคุกคาม IS ที่อิหร่านในฐานะเป็นมุสลิมสายชีอะห์มอง IS กลุ่มมุสลิมสุหนี่ เป็นเสมือนภัยครั้งใหญ่ของภูมิภาค
นอกจากนี้การกำจัดขวากหนามกลุ่มติดอาวุธสุหนี่นี้จะช่วยทำให้พรมแดนทางตะวันตกของประเทศมั่นคงขึ้น และช่วยรักษา อิรัก และซีเรีย 2 ชาติพันธมิตรสำคัญของประเทศในภูมิภาค อีกทั้งอิหร่านยังสามารถเลี่ยงไม่ต้องส่งกองทัพใหญ่เข้าอิรักตราบเท่าที่กองกำลังชีอะห์ในอิรักยังจงรักภักดีต่อ อยาตอลลาห์ โคไมนี ผู้นำการปฎิวัติอิหร่านและพร้อมจะรบเพื่อเตหะราน
บีบีซียังวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า วอชิงตันและลอนดอนย่อมต้องยินดีตอบรับในนโยบายที่เปลี่ยนไปของเตหะรานครั้งล่าสุดนี้หากเป็นจริง เพราะจากปฎิบัติการทหารที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมในอิรัก เห็นได้ชัดว่ามีการออกแบบยุทธศาสตร์การรบในทิศทางที่ต้องให้เป็นปฎิบัติการร่วมรบระดับนานาชาติ รวมไปถึงต้องการให้ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางส่งกำลังเข้าร่วมรบต่อต้าน IS ด้วย