เอเจนซีส์ – รายงานล่าสุดเปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯใช้เงินภาษีประชาชนอเมริกันในการเปิดยูนิตศึกษาต่างดาวใหม่และการพัฒนาอาวุธอวกาศ โดยเฉพาะการใช้พลาสมาบรรยากาศ(atmospheric plasma) ที่เคยอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานลับของกระทรวงกลาโหมอังกฤษแต่ถูกปิดตายในปี 2009 ตั้งสำนักงานใจกลางย่านโซโห กรุงลอนดอน ไม่ห่างจากจากที่ตั้งบริษัทสร้างภาพยนตร์ไซไฟ ทเวนตี้เซนจูรี่ฟ็อกซ์
RT สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้(12 ก.ย)ว่า หน่วยงานลับศึกษาอวกาศและต่างดาวของกระทรวงกลาโหมอังกฤษ MOD ที่ถูกปิดตัวลงไปในปี 2009 แต่ล่าสุดมีการเปิดเผยว่า หน่วยงานนี้ถูกรับช่วงต่อจากกระทรวงกลาโหมกสรัฐฯ
แต่อย่างไรก็ตาม จากการเปิดเผยของสื่ออังกฤษ ดิเอ็กซ์เพรซ พบว่า เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของหน่วยงานลับเพนตากอนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ชาวอเมริกันประจำอยู่ แต่ยังคงพบว่ามีเจ้าหน้าที่อังกฤษบางส่วนด้วยเช่นกัน และส่วนที่ตั้งของสำนักงานของหน่วยลับเพนตากอนกลับยังคงตั้งอยู่ในอังกฤษต่อไป ซึ่งสำนักงานของหน่วยงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่คาดไม่ถึง เป็นย่านโซโห โดยพิกัดที่ตั้งของหน่วยงานนี้คือ “7 Soho Square” ไม่ห่างจากสำนักงานบริษัทสร้างภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ ทเวนตี้เซนจูรี่ฟ็อกซ์ ไปเท่าใดนัก
สื่อรัสเซียรายงานเพิ่มเติมว่า แหล่งข่าวทางการทหารให้สัมภาษณ์กับดิเอ็กซ์เพรซในวันอาทิตย์(11 ก.ย)ว่า “มีความกดดันลงมาจากหน่วยงานที่คล้ายกันในเพนตากอนที่ต้องการจะเทคโอเวอร์หน่วยงานของ MOD” และให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “ได้มีการตัดสินใจลงมาสั่งย้ายที่ตั้งสำนักงานยูนิตใหม่ไปยังจัตตุรัสโซโห และตามที่ผมเข้าใจ เชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯประจำอยู่ด้วย”
และแหล่งข่าวการทหารยังให้ข้อมูลต่อว่า “การย้ายที่ตั้งของสำนักงานหน่วยงานลับแห่งนี้บังเอิญถูกเผยแพร่ผ่านวารสารกระทรวงกลาโหมอังกฤษ แต่ทว่าการบริหารและปฎิบัติการอยู่ภายใต้การควบคุมของเพนตากอนทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามยูนิตใหม่นี้ยังคงต้องส่งรายงานโดยตรงไปยังกระทรวงกลาโหมอังกฤษเช่นเดิม”
และมีรายงานว่า ถึงแม้ว่าทางหน่วยงานลับแห่งใหม่ของเพนตากอนยังคงภารกิจตามหาสิ่งมีชีวิตในอวกาศเช่นเดิม แต่ทว่าเป้าหมายหลักของทางหน่วยคือ “ปฎิบัติการด้านการทหารในอวกาศ”
ซึ่ง RT รายงานเพิ่มเติมว่า มีความเคลื่อนไหวบางอย่างของหน่วยงานลับแอเรีย 51 นี้ที่สร้างความวิตกคือ โปรเจกต์ คอนดิจ์น( Project Condign) ของกระทรวงกลาโหมอังกฤษในการศึกษาสิ่งมีชีวิตในอวกาศและยาน UFO โครงการลับสุดยอดที่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะในปี 2005 ด้วยกฎหมายว่าด้วยการเผยแพร่ข่าวสารอังกฤษ
โดยนักวิจัยอ้างว่า สิ่งที่ค้นพบบางส่วนที่ได้มาจากพลาสมาบรรยากาศ(atmospheric plasma) อาจจะนำไปสู่การค้นพบเทคโนโลยีทางการทหารยุคสตาร์วอร์ ที่รวมไปถึงอาวุธเลเซอร์ในอนาคต
นิค โป๊ป(Nick Pope) อดีตหัวหน้าหน่วย UF0 ดิวิชันกองทัพอังกฤษได้กล่าวให้ความเห็นกับดิเอ็กซเพรซว่า “พลาสม่าบรรยากาศนั้นอาจจะเป็น หรืออาจจะไม่ใช่ในการไขความลับ UFO ลึกลับ”
และโป๊ปยังยืนยันว่า สิ่งนี้จะกลายเป็นอาวุธทางการทหารที่ทรงประสิทธิภาพ ที่อาจทำให้รัฐบาลสหรัฐฯสนใจได้ “เมื่อโปรเจกต์ UF0 ของกระทรวงกลาโหมอังกฤษถูกปิดลงในปี 2009 ได้มีการวางเป้าหมายการสำรวจให้แคบลงนับตั้งแต่นั้น โดยยังคงอยู่ในกรอบเดิมของโปรเจกต์คอนดิจ์นที่ได้วางไว้แต่แรก ตั้งเป้าในการพัฒนาอาวุธทางการทหารยุคอวกาศ”
นอกจากนี้อดีตหัวหน้า UFO ดิวิชันของกระทรวงกลาโหมอังกฤษยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงด้านการบริหารและทิศทางอาจจะลดความล้มเหลวลง “หน่วยงานที่มีหน้าที่เช่นนี้อาจถูกมองว่า มีความจำเป็นที่แตกต่างออกไปจากในอดีต เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หรือการทำให้รัฐสภาเข้าใจผิด เพราะหน่วยงานใหม่นี้ถือได้ว่าเป็นหน่วยงานที่มีแนวทางและเป้าหมายอย่างเป็นเอกเทศ”
ด้านลิซ ควินทานา( Liz Quintana) ผู้อำนวยการวิทยาศาสตร์ทางการทหารประจำหน่วยงานธิงแทงก์ สถาบันโรแยลยูไนเต็ดเซอร์วิส(the Royal United Services Institute) หรือ RUSI ให้ความเห็นกับดิเอ็กซเพรซว่า เธอไม่แปลกใจที่อังกฤษและสหรัฐฯยังคงให้ความสนใจต่อเทคโนโลยีอวกาศ
“อวกาศได้กลายเป็นสิ่งที่มีการแข่งขันสูง และมีตัวเล่นในสนามมากขึ้นจนน่าอืดอัด ซึ่งบางส่วนถูกใช้เพื่อสันติ ในขณะที่มีอีกหลายส่วนถูกใช้เพื่อสองแง่ทั้งการทหารและพลเรือน และมีอีกจำนวนหนึ่งใช้ในด้านลบ ซึ่งรัสเซียและจีนต่างแข่งขันด้านอวกาศมาก” ควินทานากล่าว