รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่กระทรวงสหรัฐฯ โวยวายผ่านรอยเตอร์เมื่อวันพุธ (7 ก.ย.) เครื่องบินรบรัสเซียลำหนึ่งปฏิบัติการสกัดกั้นอย่างไม่ปลอดภัยและไร้ความเป็นมืออาชีพต่อเครื่องบินสอดแนมอมริกาที่กำลังบินลาดตระเวนตามปกติเหนือทะเลดำ โดยบินเข้ามาเฉียดใกล้ในระยะแค่ 10 ฟุต อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งมอสโกปฏิเสธคำกล่าวหา ยืนยันดำเนินการสอดคล้องกับกฎระเบียบระหว่างประเทศ และเป็นฝ่ายวอชิงตันเองที่ปิดอุปกรณ์รับส่งสัญญาณเรดาร์
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาแห่งความตึงเครียดขั้นสูงระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย ที่อยู่กันคนละฝั่งในสงครามกลางเมืองซีเรีย
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามบอกกับรอยเตอร์ว่า เหตุการณ์นี้กินเวลานานราว 19 นาที และเครื่องบินขับไล่ซูคอย ซู 27 บินเข้ามาเฉียดใกล้เครื่องบินลาดตระเวนพี-8 ของกองทัพเรืออเมริกาภายในระยะห่างแค่ 10 ฟุต
“พวกเขาอยู่บนนั้นเป็นเวลา 12 ชั่วโมง และมีการติดต่อสื่อสารระหว่างกันหลายครั้ง แต่มีอยู่หนหนึ่งที่นักบินตั้งใจก่ออันตราย” เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อีกคนบอก
เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวเผยว่า เวลานี้เหล่าเจ้าหน้าที่กำลังพูดคุยกับนักบินและกำลังทบทวนเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อตัดสินใจว่าจะนำมันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการหารือระหว่างการประชุมประจำปีของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และรัสเซียหรือไม่ โดยการประชุมดังกล่าวจะมีการหารือเกี่ยวกับกรณีบินสกัดต่างๆ ที่เป็นอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียออกมาตอบโต้ว่าพวกเขาต้องส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อวันพุธ (7 ก.ย.) เพื่อสกัดเครื่องบินอเมริกาที่กำลังมุ่งหน้าสู่เขตแดนของพวกเขาเหนือทะเลดำ เพราะว่าเครื่องบินอเมริกาปิดเครื่องรับส่งสัญญาณเรดาร์ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับระบุตัวตน
“หลังจากเครื่องบินขับไล่รัสเซียเข้าใกล้เครื่องบินลาดตระเวนเพื่อตรวจสอบด้วยสายตาและระบุหมายเลขทะเบียนของเครื่องบิน เครื่องบินสหรัฐฯ ก็เปลี่ยนเส้นทางอย่างฉับพลัน และบินไปในทิศทางตรงข้ามกับเขตแดนของรัสเซีย” โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในถ้อยแถลง พร้อมเผยว่านักรบของรัสเซียปฏิบัติตามกฎระเบียบระหว่างประเทศอย่างเข้มงวด
มีเหตุการณ์กระทบกระทั่งแบบเดียวกันนี้ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ หลายต่อหลายครั้งในปีนี้ โดยในเดือนเมษายนเครื่องบินรบมอสโก 2 ลำบินจำลองการโจมตีผ่านเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีลำหนึ่งของอเมริกาในทะเลบอลติก
เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านั้นย้อนให้นึกถึงยุคสมัยสงครามเย็นที่มีการบินเฉี่ยวกันไปมาหลายต่อหลายครั้ง จนนำมาซึ่งข้อตกลงทวิภาคีที่มีเป้าหมายหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาตอบโต้ที่เป็นอันตราย ณ ท้องทะเล ที่มีการลงนามโดย จอห์น วอร์เนอร์ รัฐมนตรีว่าการทบวงทหารเรือ ณ ขณะนั้นกับพลเรือเอก เซอร์เกย์ กอร์ชคอฟ แห่งสหภาพโซเวียต
