เอเจนซีส์ - สำนักงานข่าวกรองกลาโหมสหรัฐฯ (US Defense Intelligence Agency) โพสต์ทวิตเตอร์ประชดประชันจีนว่า “มีระดับตามเคย” หลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างเจ้าหน้าที่จีนกับสหรัฐฯ อันเกิดจากมาตรการรักษาความปลอดภัยแบบคุมเข้มสูงสุดของปักกิ่ง ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เดินทางไปถึงสนามบินเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ครั้งที่ 11 เมื่อวันเสาร์ (3 ก.ย.)
ข้อความดังกล่าวเขียนว่า “จีนมีระดับตามเคย” (Classy as always China) ซึ่งต่อมาทางสำนักงานก็ได้รีบลบทิ้งไป
สัญญาณลำดับแรกสุดของความยุ่งเหยิงก็คือ ไม่มีบันไดเทียบเพื่อให้โอบามาลงจากเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันเพื่อก้าวลงบนพรมแดงที่ปูไว้ต้อนรับ ทำให้โอบามาต้องหันไปใช้ทางออกสำรองแทน
นอกจากนั้น ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของจีนยังได้กั้นเชือกสีน้ำเงินไม่ให้ผู้สื่อข่าวที่ติดตามมากับคณะของ โอบามา เข้าไปบริเวณใต้ปีกเครื่องบินเพื่อถ่ายภาพผู้นำสหรัฐฯ ขณะก้าวลงจากแอร์ฟอร์ซวัน แต่ให้รอตรงบริเวณด้านนอกเชือกกั้น
เจ้าหน้าที่ฝ่ายจีนยังเรียกร้องให้พวกสื่อมวลชนอเมริกันออกไปจากบริเวณนั้น และเมื่อเจ้าหน้าที่หญิงของทำเนียบขาวคนหนึ่งพยายามแย้งว่า นี่เป็นเครื่องบินอเมริกัน และเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ โดยที่สหรัฐฯ กำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับผู้นำของตนเอง ก็ถูกเจ้าหน้าที่จีนซึ่งสวมสูทสีเข้มตะโกนใส่ว่า “นี่คือประเทศของเรา!” และ “นี่คือสนามบินของเรา!”
โอบามาได้กล่าวเรียกร้องให้สื่อมวลชน “อย่าโมโหฉุนเฉียว” กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากจนเกินไป แต่ปรากฏว่าสำนักงานข่าวกรองกลาโหมสหรัฐฯ หรือดีไอเอ ซึ่งเป็นหน่วยสืบราชการลับในสังกัดกระทรวงกลาโหม และมีหน้าที่ให้คำแนะนำแก่วอชิงตันเกี่ยวกับความมุ่งหมายและศักยภาพของรัฐหรือองค์กรต่างชาติ กลับทำให้สถานการณ์บานปลายยิ่งขึ้นด้วยการโพสต์ข้อความแขวะจีน ตามรายงานจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล
ดีไอเอได้ลบข้อความดังกล่าวทิ้ง พร้อมยืนยันว่าสิ่งที่ถูกโพสต์ไปก่อนหน้านี้ “ไม่ใช่มุมมองของดีไอเอ และเราขออภัย”
โอบามาระบุว่า เหตุกระทบกระทั่งครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์สหรัฐฯ และจีน พร้อมกับอธิบายว่า ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างที่เขามาเยือนปักกิ่งเป็นเพราะสหรัฐฯ มีทัศนคติต่อสื่อมวลชนที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ
“เรามองว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สื่อมวลชนจะต้องสามารถเข้าถึงภารกิจที่พวกเราทำอยู่ และมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามได้... และแม้เวลาที่เราเดินทางไปยังประเทศต่างๆ เราก็ไม่เคยละทิ้งค่านิยมและอุดมการณ์นี้ไว้เบื้องหลัง... แต่สิ่งนี้ก็อาจทำให้เกิดความไม่ลงรอยได้บ้างนิดหน่อย”
คณะผู้สื่อข่าวอเมริกันซึ่งเดินทางจากรัฐฮาวายไปพร้อมกับโอบามา ระบุว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยจีนห้ามพวกเขาไม่ให้เข้าไปเกาะติดวินาทีซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ก้าวลงจากประตูสำรองใต้ท้องเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน เนื่องจากไม่มีการปูพรมแดงต้อนรับ ซึ่งโดยปกติแล้วการลงจากเครื่องบินลักษณะนี้จะใช้กับประเทศที่ต้องมีมาตรการคุ้มกันเข้มงวดเป็นพิเศษ เช่น อัฟกานิสถาน เป็นต้น
“เราถูกกั้นด้วยเชือกสีน้ำเงินที่หน่วยรักษาความปลอดภัยจีนนำมาติดตั้งไว้ ตลอด 6 ปีที่ผมติดตามทำข่าวทำเนียบขาว ผมยังไม่เคยเห็นประเทศเจ้าภาพที่ขัดขวางไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปดูประธานาธิบดีโอบามาเดินลงจากเครื่องบินมาก่อน” มาร์ก แลนด์เลอร์ ผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส กล่าว
นอกจากนี้ เมื่อ ซูซาน ไรซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และ เบน โรดส์ เจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาว พยายามจะเข้าไปใกล้ๆ ประธานาธิบดีโอบามา โดยยกเชือกกั้นสีน้ำเงินขึ้นและก้มตัวลอดผ่านเข้าไป เจ้าหน้าที่จีนก็ได้แสดงความโกรธเกรี้ยวใส่ไรซ์ และพยายามกั้นไม่ให้เธอเข้าไป จนสองฝ่ายมีการตอบโต้ใส่กันอย่างเผ็ดร้อน
หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ฉบับวันอาทิตย์ (4) ได้อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่จีนคนหนึ่งซึ่งระบุว่า รัฐบาลจีนมีการปูพรมแดงต้อนรับผู้นำต่างชาติทุกคนที่เดินทางมาร่วมประชุม G20 “แต่ฝ่ายสหรัฐฯ... ปฏิเสธข้อเสนอขอเรา และยืนยันว่าไม่ต้องการบันไดเทียบเครื่องบินที่ทางสนามบินจะจัดให้”
ความตึงเครียดได้ปะทุขึ้นอีกก่อนที่ โอบามา จะร่วมหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ณ สถานที่ต้อนรับแขกเมืองริบทะเลสาบซีหู โดยผู้ช่วยประจำทำเนียบขาว เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิธีการ และหน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โต้เถียงกับเจ้าหน้าที่จีนอย่างรุนแรงว่าคนของอเมริกาจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในอาคารได้กี่คน และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เกือบถึงขั้น “วางมวย” กัน นิวยอร์กไทม์ส ระบุ