เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ กล่าวในวันนี้ (4 ก.ย.) ถึงเหตุการณ์การทะเลาะเบาะแว้งกันในสนามบินนครหางโจว, ประเทศจีน ระหว่างพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กับจีน ซึ่งก่อให้เกิดบรรยากาศอันขุ่นมัวตั้งแต่ตอนเริ่มต้นการประชุมซัมมิตกลุ่ม 20 ชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก (จี20) โดยเขาแสดงทัศนะแบบอเมริกันจ๋า ว่า เรื่องนี้ตอกย้ำให้เห็นช่องว่างความแตกต่างด้านความคิดเห็นของสองประเทศในเรื่องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของสื่อมวลชน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า การเผชิญหน้ากันระหว่างเจ้าหน้าที่ของฝ่ายจีน กับเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ตลอดจนการวิวาททางการทูตอื่น ๆ ระหว่างสองประเทศ ได้เผยโฉมให้เห็นตั้งแต่ขณะที่ “แอร์ ฟอร์ซ วัน” เครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกัน ลงจอดที่หางโจว อันเป็นสถานที่จัดการประชุมของเหล่าผู้นำ จี20 คราวนี้
โดยสัญญาณลำดับแรกสุดของความยุ่งเหยิง ก็คือ ไม่มีบันไดเทียบเพื่อให้โอบามาลงจากเครื่องบินโบอิ้ง 747 ลำนี้ และก้าวลงบนพรมแดงที่ปูไว้ต้อนรับ ทำให้โอบามาต้องหันไปใช้ทางออกสำรองแทน
ส่วนตรงบริเวณทางวิ่งของเครื่องบิน สำนักข่าวเอเอฟพี บอกว่า ตามธรรมเนียมของฝ่ายอเมริกัน ในเวลาที่โอบามาเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ พวกนักข่าวซึ่งติดตามมาด้วยกันกับคณะของเขา จะถูกนำไปรอบริเวณใต้ปีกของ “แอร์ ฟอร์ซ วัน” เพื่อสังเกตการณ์และถ่ายภาพเขาขณะเดินทางมาตามบันไดเครื่องบิน ทว่า ในคราวนี้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของจีนได้กั้นเชือกสีน้ำเงินไม่ให้เข้าไปบริเวณนั้น แต่ให้รอตรงบริเวณด้านนอกเชือกกั้น
เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายจีนยังเรียกร้องให้พวกสื่อมวลชนอเมริกันออกไปจากบริเวณนั้นไปเลย โดยที่มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะโกนใส่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวด้วย
เจ้าหน้าที่หญิงของทำเนียบขาว ซึ่งคล้องกระเป๋าถืออยู่ที่แขนของเธอ บอกกับเจ้าหน้าที่ชายจีนผู้หนึ่ง ว่า นี่เป็นเครื่องบินอเมริกัน และเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ โดยที่สหรัฐฯกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับผู้นำของตนเอง เจ้าหน้าที่จีนผู้นั้นซึ่งสวมสูทสีเข้ม ก็ตะโกนใส่เธอว่า “นี่คือประเทศของเรา!” และ “นี่คือสนามบินของเรา!”
ครั้นเมื่อ ซูซาน ไรซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และ เบน โรดส์ เจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาว พยายามที่จะเข้าไปใกล้ ๆ ประธานาธิบดี โอบามา โดยยกเชือกกั้นสีน้ำเงินขึ้นและก้มตัวลอดผ่านเข้าไป เจ้าหน้าที่จีนผู้นั้นได้แสดงความโกรธเกรี้ยวใส่ไรซ์ และพยายามกั้นไม่ได้เธอเข้าไป
ขณะที่พวกเขาตอบโต้ใส่กันด้วยคำพูดกราดกริ้ว เจ้าหน้าที่จากหน่วยอารักขาผู้นำของสหรัฐฯ ซึ่งทำหน้าที่ติดตามไรซ์ ก็ได้เข้ามานำตัวเธอเดินผ่านเข้าไป
ไรซ์ กล่าวอย่างไม่พอใจในเวลาต่อมาว่า “พวกเขาทำสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเราไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย”
การระเบิดอารมณ์เข้าใส่กันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายจีน กับเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว เช่นนี้ ปรากฏเปิดเผยต่อหน้าสื่อมวลชน ก่อนหน้าการพบปะเจรจากันซึ่ง ๆ หน้า ระหว่างประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กับ โอบามา โดยที่ผู้นำทั้งสองดูจะต่างกำลังมีความปรารถนาที่จะลดทอนความแตกต่างขัดแย้ง และหาพื้นที่ซึ่งสามารถที่จะคิดเห็นร่วมไปในทางเดียวกันได้
โอบามากล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมภายหลังพบปะหารือทวิภาคีที่หางโจว ในวันอาทิตย์ (4) กับ เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ ว่า สหรัฐฯนั้นคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องให้สื่อมวลชนสามารถเข้าถึงงานต่าง ๆ ที่เหล่าผู้นำกำลังทำกันอยู่ และเหล่าผู้นำก็มีความสามารถที่จะตอบคำถามต่าง ๆ ได้ พร้อมกันนั้น เขาก็ยืนยันว่า ถึงแม้ในเวลาที่ออกเดินทางไปยังต่างประเทศ สหรัฐฯก็จะไม่ทอดทิ้งค่านิยมและอุดมการณ์ของตนเอาไว้ให้อยู่แต่ที่บ้าน
เขากล่าวต่อไว้ว่า ในการพูดจาหารือกับผู้นำจีนของเขา ก็พบเห็นทัศนะที่แตกต่างกันทำนองนี้
“เมื่อผมหยิบยกประเด็นปัญหาอย่างเช่นสิทธิมนุษยชนขึ้นมา ก็จะเกิดความตึงเครียดในบางระดับขึ้นมา ซึ่งบางทีอาจจะไม่เกิดขึ้นเมื่อประธานาธิบดี สี พบปะหารือกับผู้นำของประเทศอื่น ๆ”
อย่างไรก็ตาม โอบามามองเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นที่บริเวณทางวิ่งของเครื่องบินคราวนี้แบบอารมณ์ดี โดยพูดล้อเลียนขำ ๆ ว่า คณะเดินทางที่มีขนาดใหญ่โตมหึมาของทำเนียบขาวนั้น สามารถที่จะขู่ขวัญชาติไหน ๆ ได้ทั้งสิ้น
“ส่วนหนึ่งของเรื่องก็คือเรามี “รอยเท้า” ที่ใหญ่โตกว่าของประเทศอื่น ๆ นักหนา” เขากล่าว “คณะของเราประกอบด้วยเครื่องบินเยอะแยะ, เฮลิคอปเตอร์เยอะแยะ, รถยนต์เยอะแยะ, ผู้คนเยอะแยะ ลองคิดดูเถอะ ถ้าคุณเป็นประเทศเจ้าบ้าน บางครั้งมันก็อาจจะเกิดความรู้สึกอะไรขึ้นมานิดหน่อยแหละ”