xs
xsm
sm
md
lg

ดับเพิ่มอีก 2 ศพจากเหตุวุ่นวายหลังการเลือกตั้งในกาบอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพจากเอเอฟพี ฌ็อง ปิง ผู้สมัครจากพรรคฝ่ายค้าน
เอเจนซีส์ / MGR online - เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งในกาบอง คร่าชีวิตผู้คนเพิ่มอีกอย่างน้อย 2 ศพ ในวันเสาร์ (3 ก.ย.) ส่งผลให้ยอดรวมของผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 7 ราย นับตั้งแต่ที่มีการประกาศชัยชนะแบบค้านสายตาประชาชนของประธานาธิบดีประเทศนี้

ปาโกเม มูเบเลต์-บูเบยา รัฐมนตรีมหาดไทยของกาบอง ออกมาเปิดเผยในวันเสาร์ (3) ว่า พบผู้เสียชีวิตอีกอย่างน้อย 2 ราย จากเหตุรุนแรงหลังการประกาศผลเลือกตั้ง โดยที่ 1 ใน 2 ของผู้เสียชีวิตรายล่าสุดนี้ถูกระบุว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนในเมืองโอเย็ม ที่เป็นเมืองเอกทางภาคเหนือของกาบอง ท่ามกลางความกังวลของนานาชาติต่อความรุนแรงที่ลุกลามบานปลายในกาบอง ที่มีการจับกุมผู้ประท้วงคัดค้านผลการเลือกตั้งไปแล้วมากกว่า 1,100 ราย

รายงานข่าวระบุว่า คนร้ายที่จ่อยิงศีรษะตำรวจรายดังกล่าวเสียชีวิต ถูกติดตามจับกุมได้แล้วขณะพยายามข้ามพรมแดนหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง อิเควทอเรียลกินี

ฝูงชนชาวกาบองที่กำลังโกรธแค้นพากันบุกเผาอาคารที่ทำการรัฐสภาในกรุงลิเบรอวิลล์ เมืองหลวงของประเทศในวันพุธ (31 ส.ค.) เพื่อเป็นการประท้วงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ออกมาแบบ “ค้านสายตา” ท่ามกลางรายงานข่าวที่ระบุว่า ประชาชนในพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศ ต่างออกมาก่อจลาจลเช่นเดียวกัน


รายงานข่าวระบุว่า เหตุบุกเผาอาคารรัฐสภากาบองในกรุงลิเบรอวิลล์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่อึดใจ หลังจากที่กระทรวงมหาดไทยของกาบองออกคำแถลงผ่านสถานีวิทยุและโทรทัศน์ของรัฐ ระบุให้ประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่าง อาลี บองโก ออนดิมบา เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ถึงแม้ประชาชนส่วนใหญ่จะเชื่อว่าชัยชนะในการเลือกตั้งหนนี้จะตกเป็นของผู้สมัครจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านเสียมากกว่า


หลังการเผยแพร่คำประกาศของกระทรวงมหาดไทยกาบอง ที่ให้ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน อย่าง อาลี บองโก ออนดิมบา เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสิ้นสุดลง มีรายงานว่า ประชาชนจำนวนมากที่ไม่เชื่อในผลการเลือกตั้งดังกล่าวได้ออกมารวมตัวกันตามถนนสายหลักของกรุงลิเบรอวิลล์ เพื่อแสดงความไม่พอใจและพยายามเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังที่ทำการคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมตะโกนข้อความว่า “อาลีต้องสละอำนาจ” ท่ามกลางความพยายามขัดขวางของตำรวจจลาจลและกำลังทหารที่ได้ “รับคำสั่งจากรัฐบาล” ให้สลายการชุมนุมของฝูงชนที่กำลังโกรธแค้นและบ้าคลั่ง


รายงานข่าวระบุว่า ความพยายามในการสลายการเดินขบวนประท้วงผลการเลือกตั้งของตำรวจปราบจลาจล และ ทหารกาบอง ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรงกับกลุ่มผู้ประท้วงในหลายจุด และยิ่งจุดกระแสให้มีประชาชนเดินทางออกจากบ้านมาเข้าร่วมเดินขบวนมากยิ่งขึ้น จนจำนวนของผู้ประท้วงมีมากกว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่หลายเท่าตัวในกรุงลิเบรอวิลล์ และมีรายงานการประท้วงผลการเลือกตั้งในอีกหลายเมืองทั่วประเทศ


คำแถลงของกระทรวงมหาดไทยกาบอง ซึ่งอ้างการยืนยันจากคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางของประเทศ ระบุว่า ประธานาธิบดี อาลี บองโก ออนดิมบา เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง โดยได้คะแนนเสียงร้อยละ 49.80 เฉือนเอาชนะ ฌ็อง ปิง ผู้สมัครจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่ได้คะแนนเสียง 48.23 เปอร์เซ็นต์ ไปแบบฉิวเฉียด โดยที่รัฐบาลกาบองปฏิเสธจะเปิดเผยผลการนับคะแนนรายหน่วยเลือกตั้งตามข้อ เรียกร้องของฝ่ายค้าน รวมถึงข้อเรียกร้องของคณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติ ทั้งจากสหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐอเมริกา


ก่อนหน้านี้ ฌ็อง ปิง ผู้สมัครจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ออกมาประกาศในวันอาทิตย์ (28 ส.ค.) ว่า ตนเองเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของกาบองที่จัดขึ้น 1 วันก่อนหน้านั้น โดยที่ ปิง ในวัย 73 ปี ออกมาประกาศชัยชนะของตน โดยกล่าวต่อกลุ่มผู้สนับสนุนว่าตนเองเป็นผู้ที่ได้รับเลือกจากประชาชนให้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป และว่า ตนกำลังรอคอยให้ประธานาธิบดี อาลี บองโก ออนดิมบา ที่กำลังจะหมดอำนาจกล่าวแสดงความยินดีต่อชัยชนะของตน


อย่างไรก็ดี เมื่อวันเสาร์ (27 ส.ค.) ทีมงานของประธานาธิบดี อาลี บองโก ออนดิมบา ได้ออกมาประกาศชัยชนะของฝ่ายตนหลังปิดหีบเลือกตั้งไม่นาน พร้อมกับกล่าวหาปิงที่เป็นผู้สมัครจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ว่า โกงการเลือกตั้ง และยืนยันว่าจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของกลุ่มผู้สนับสนุนฝ่ายรัฐบาล เพื่อคัดค้านผลการเลือกตั้งนี้ หากผลออกมาว่า ปิงเป็นฝ่ายชนะ


ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี อาลี บองโก ออนดิมบา แห่งกาบอง ประกาศในวันที่ 9 ก.ค. ยืนยันจะลงสมัครรับเลือกตั้งชิงเก้าอี้ผู้นำกาบองต่ออีกสมัยในการเลือกตั้งวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา หลังได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยแรกเมื่อปี 2009 ภายหลังการถึงแก่อสัญกรรมของ โอมาร์ บองโก ออนดิมบา บิดาของเขา ที่ปกครองประเทศนี้แบบผูกขาดฉายเดี่ยวมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1967


ด้าน ฌ็อง ปิง ซึ่งมีบิดาเป็นชาวจีน มีดีกรีเคยเป็นถึงอดีตผู้นำขององค์การสหภาพแอฟริกา (เอยู) และยังถือเป็นนักการเมืองคนสำคัญในระบอบการปกครองของบิดาประธานาธิบดี อาลี บองโก ออนดิมบา ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา


ที่ผ่านมา ปิง ออกโรงกล่าวหาประธานาธิบดีบองโก ว่า พยายามใช้ “วิธีสกปรก” ในการกำจัดเขาออกจากเส้นทางทางการเมือง ขณะที่รัฐบาลชุดปัจจุบันตอบโต้ว่า ปิงพยายามปลุกปั่นสร้างความแตกแยกภายในประเทศ และหวังก่อสงครามกลางเมือง


ทั้งนี้ ในยุคการปกครองของประธานาธิบดีบองโก ผู้เป็นบิดา ที่เริ่มต้นจากเมื่อปี 1967 จนถึงการเสียชีวิตของเขาในปี 2009 นั้น มีการขุดพบแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ในกาบอง ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรในประเทศนี้พุ่งสูงขึ้นมากกว่าประชากรส่วนใหญ่ในประเทศแอฟริกาอื่น ๆ ที่อยู่ตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาราถึง 4 เท่าตัว แต่ถึงกระนั้นระบอบการปกครองของเขา กลับถูกวิจารณ์ว่าเป็นเผด็จการ และไม่เป็นประชาธิปไตย



กำลังโหลดความคิดเห็น